อดีตกำนันดัง เมืองตรัง หันหลังให้สวนยางพารา หันปลูกกล้วยหอมส่งออกญี่ปุ่น สร้างรายได้เดือนละกว่าแสนบาท เชิญ ผวจ.ตรังเยี่ยมสวน เผยถือเป็นแบบอย่างเกษตรกร ...

เวลา 14.00 น. วันที่ 17 ม.ค. นายเดชรัฐ สิมศิริ ผวจ.ตรัง พร้อมด้วยผู้นำชุมชนและผู้นำท้องถิ่น ไปเยี่ยมชมสวนกล้วยหอมของ นายกิตติศักดิ์ เส็นขาว อดีตกำนัน ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง หลังจากได้รับคำเชิญ เพื่อนำมาเป็นแบบอย่างและแนะนำการเปลี่ยนอาชีพใหม่แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ที่ต้องการเปลี่ยนจากการปลูกยางพารามาเป็นการปลูกกล้วยหอม หลังจากจากยางพารามีราคาตกต่ำ และตลาดไม่สดใสเหมือนเมื่ออดีตอีกแล้ว


สวนกล้วยหอมของนายกิตติศักดิ์ อดีตกำนัน ต.แหลมสอม ตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.7 ต.แหลมสอม อ.ปะเหลียน มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ มีการเดินท่อส่งน้ำแบบน้ำหยดทั้งสวนกล้วยหอม ขณะที่ระหว่างต้นกล้วยหอมก็ได้ปลูกมะนาวเป็นพืชแซม รวมทั้งรอบๆ สวนกล้วยหอมและมะนาว ก็มีการปลูกชะอม ซึ่งการทำเกษตรแบบผสมผสานของ อดีตกำนันกิตติศักดิ์ ครั้งนี้ ได้รับความสนในจาก ผวจ.ตรัง และผู้นำท้องที่ที่ไปเยี่ยมชมเป็นอย่างมาก โดยที่อดีตกำนันยอมทิ้งอาชีพสวนยางพาราที่ประกอบอาชีพมาตั้งแต่บรรพบุรุษหลายยุคสมัย ก่อนตัดสินใจหันมาปลูกกล้วยหอมเป็นอาชีพทดแทนเพื่อส่งออกกล้วยหอม

...

นายกิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า สวนของตนเองได้ปลูกกล้วยหอม และแซมด้วยมะนาว ผลจากการปลูกกล้วยหอมดีกว่าปลูกยางพาราหลายเท่าตัว ซึ่งเทียบกันไม่ได้เลย แปลงนี้ 30 ไร่ ถ้ามาคิดเฉลี่ยแล้วปีหนึ่งหากปลูกยาง 3 แสนทำไม่ได้ แต่นี่มาเฉลี่ยแล้ว กล้วยหอมเครือละ 100 เฉลี่ยแล้วได้ 600,000 บาทต่อปี ตอนนี้การตลาดกล้วยหอมดีมาก ซึ่งตนเองส่งออกญี่ปุ่น ตลาดไม่พอการส่งออก


"ตอนนี้มีออเดอร์เดือนละ 3 หมื่นกิโลกรัม ก็ยังไม่พอ ในสภาวะยางพาราตกต่ำอยากให้เกษตรกรชาวสวนยางหันมาปลูกกล้วยหอมดีที่สุด และต้นทุนน้อยที่สุดคือปลูกกล้วยหอม เพราะตอนนี้กล้วยหอมมีเท่าไรก็ไม่พอส่งญี่ปุ่น และเป็นรายได้ที่ดีเป็นกอบเป็นกำ โดยใช้เวลาแค่ 9 เดือนเท่านั้น ไม่เหมือนเราปลูกยางใช้เวลา 7 ปี ถึงจะได้ กล้วยลงทุนครั้งเดียวได้ 3 ปี คุ้มทุนมาก หากราคายางเป็นแบบทุกวันนี้เลิกเลยการปลูกยางพารา" อดีตกำนัน กล่าวทิ้งท้าย