จากกรณีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านบ้าน บางใหญ่ หมู่ 4 ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชุมพร เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนถูกนายทุนอ้างเอกสารสิทธิ (น.ส.3) ในป่าชายเลน อ่าวทุ่งคา-สวี เขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรฟ้องขับไล่ที่และรื้อทุบทำลายบ้าน ท่ามกลางความเคลือบแคลงสงสัยของสาธารณชนทั่วไปที่มีที่ดิน น.ส.3 ไปโผล่อยู่กลางป่าชายเลน ทั้งๆที่ชาวบ้านอาศัยทำกินมานานกว่า 20 ปี ยังไม่มี ใครได้เอกสารสิทธิครอบครองแม้แต่รายเดียวนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวเฉพาะกิจภูมิภาค “ไทยรัฐ” รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 ธ.ค. เจ้าหน้าที่จาก สนง.บังคับคดีจังหวัดชุมพร ได้เดินทางไปพบกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านจำนวน 9 คนที่ถูกบังคับคดีสั่งให้รื้อถอนบ้านที่อยู่อาศัยที่บุกรุกที่ดินของนายทุนคนดังกล่าว เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยหลังจากมีหมายจับของศาลจังหวัดชุมพร หลังจากตรวจสอบแล้ว เจ้าหน้าที่ได้แจ้งกับกลุ่มชาวบ้านทั้ง 9 คน ว่า “รู้สึกพอใจที่ชาวบ้านให้ความร่วมมือ และขอให้ชาวบ้านไปพบกันที่ศาลจังหวัดชุมพร ในวันที่ 19 ม.ค.2559 เพื่อรอฟังคำพิจารณาคดีของศาลต่อไป” ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจะเดินทางกลับ
นายวิษณุ เซียงเจ็น อายุ 37 ปี รองประธานกลุ่มอนุรักษ์ป่าชายเลนบางใหญ่ อ่าวทุ่งคา อ.เมือง ชุมพร เปิดเผยว่า เพิ่งได้รับหนังสือจากนายไมตรี ไตรติลานันท์ รอง ผวจ.ชุมพร ซึ่งชี้แจงมาว่า ขณะนี้ ทางจังหวัดได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนต่อไป โดยตอนเย็นวันเดียวกันนี้ กลุ่มชาวบ้าน 5 คน นำโดยนายจรัส กำเนิดโทน ประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้นำเอกสารหลักฐานเดินทางขึ้นกรุงเทพมหานครเพื่อเข้าพบ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เพื่อแจ้งรายละเอียดให้ทราบและขอให้ส่งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอลงไปตรวจสอบการได้มาของเอกสารสิทธิ น.ส.3 ของนายทุนรายนี้ที่อยู่ระหว่างเตรียมยื่นขอออกโฉนดในป่าชายเลนว่าจะออกมาได้อย่างไร ในเมื่อที่ดินแปลงนี้เป็นสาธารณะสมบัติของชาติที่ประชาชนใช้ร่วมกัน และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำนานาชนิด
...
นายวิษณุเปิดเผยอีกว่า วันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายจรัส กำเนิดโทน อายุ 62 ปี ประธานกลุ่มอนุรักษ์ฯ ได้รับหมายศาลจังหวัดชุมพรเพื่อไต่สวนมูลฟ้องในคดีหมิ่นประมาทนายทุนรายนี้อีกหนึ่งคดี หลังจากมีข้อพิพาทเรื่องที่ดินกันมายาวนาน แต่กลุ่มชาวบ้าน ไม่ย่อท้อ พร้อมจะเดินหน้าให้มีการตรวจสอบจนถึงที่สุด
ทางด้านนายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวกรณีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ในป่าโกงกาง ต.ทุ่งคา อ.เมืองชุมพร ว่า จากการตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร มีการออก น.ส.3 เมื่อปี 2502 โดยอ้าง ส.ค.1 ซึ่งออกเมื่อปี 2498 และก่อนมี ส.ค.1 มีการอ้างสิทธิครอบครองมาก่อน และมีการประกาศเป็นเขตอุทยานเมื่อปี 2530 ที่ดินบริเวณดังกล่าวมีปัญหาเพียงแปลงเดียวเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ เดิมมีชุมชนชาวบ้านเลียบป่าชายเลน แต่มีคนไปซื้อที่ต่อแล้วปลูกบ้านหลังใหญ่ ทราบว่าทางจังหวัดชุมพรได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนแล้ว ซึ่งต้องพิสูจน์เรื่องของการครอบครองว่ามีมาก่อนหรือไม่ สิทธิครอบครองชอบหรือไม่ ถ้าไม่ชอบก็ต้องเพิกถอนตามกฎหมาย โดยจะส่งรายงานมาที่กรมที่ดิน เพื่อให้กรมที่ดินเป็นผู้พิจารณาต่อไป
ตอนบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังผู้ที่ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของที่ดิน น.ส.3 ดังกล่าว ซึ่งมีเสียงสุภาพสตรีคนหนึ่งเป็นคนรับสาย แต่ไม่ยอมเปิดเผยอะไร บอกเพียงว่าไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ และจะโทรศัพท์ติดต่อกลับมาภายหลัง โดยก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อขอให้ชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดแต่อย่างใด ซึ่งข่าวคืบหน้าจะนำเสนอต่อไป.