ชาวประมงพังงา ออกเรือเก็บ "ขี้ปลาวาฬ" หรืออัมพัน กลางทะเล ชี้นำไปสกัดเป็นน้ำหอมคุณภาพดี และทำเป็นยารักษาโรคบางอย่างได้ มีราคาซื้อ-ขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละนับหมื่นบาท ....
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (30ก.ย.) ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่บ้านหินลาด ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา มีชาวประมงพื้นบ้านออกหาปลาในทะเลพบ ขี้ปลาวาฬ หรือ อำพัน ลอยอยู่กลางทะเลเป็นจำนวนมาก และบางส่วนได้ถูกคลื่นซัดเข้ามาติดอยู่ตามบริเวณโขดหินและชายหาดซึ่งขี้ปลาวาฬ สามารถนำไปสกัดเป็นน้ำหอมคุณภาพราคาสูง และสามารถทำเป็นยารักษาโรคบางอย่างได้ ซึ่งชาวบ้านจำนวนมากได้ออกทะเลเพื่อเก็บขี้ปลาวาฬ มาขายให้กับพ่อค้า ซึ่งมีราคาประมาณ 30,000 – 50,000 บาทต่อกิโลกรัม
นายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้เชี่ยวชาญฯ สถาบันวิจัย และพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ขี้ปลาวาฬชนิดนี้เป็นปลาวาฬหัวทุยขนาดลำตัวยาว 20–25 เมตร น้ำหนัก 20–30 ตัน ซึ่งจะชอบกินอาหารประเภทปลาหมึกเป็นพิเศษ สาเหตุสำคัญของการเกิดขี้ปลาวาฬ เนื่องจากส่วนของอาหารที่กินเข้าไปยังย่อยไม่ได้ที่จะสะสมอยู่ในกระเพาะอาหาร ในรูปของไขมัน เมื่อสะสมนานเข้าจะจับตัวเป็นก้อนไขมัน เรียกว่า อัมพัน ซึ่งมีขนาดใหญ่มากอยู่ในกระเพาะ และจะถ่ายออกมาเรื่อยๆ พร้อมกับขี้ ซึ่งส่วนที่เป็นขี้จริงๆจะสลายไป ส่วนที่เป็นไขมัน หรือที่เรียกว่าอัมพันยังจับเป็นก้อนลอยอยู่ตามผิวน้ำในทะเล ซึ่งมักจะพบอยู่ในปลาวาฬตัวใหญ่ๆ ส่วนประโยชน์นั้น สามารถนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอมที่มีราคาแพงมาก ซึ่งปกติจะมีไม่มากขนาดนี้ แต่ที่ชาวบ้านไปพบในครั้งนี้มีมากกว่าปกติทั่วไป ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลก
นายสมชาย บุญเทียม อายุ 40 ปี อาชีพประมงพื้นบ้านเจ้าของขี้ปลาวาฬ อยู่ 83/25 บ้านหินลาด ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จ.พังงา กล่าวว่า ขณะตนเองออกเรือหาปลาบริเวณใกล้เกาะระ – เกาะพระทอง ได้มองเห็นวัตถุเป็นก้อนสีเหลืองขนาดต่างๆ เป็นจำนวนมากลอยปริ่มน้ำอยู่กลาง ทะเล จึงเก็บขึ้นมาดู พบว่าเป็นขี้ปลาวาฬ ซึ่งตนเองเคยเก็บมาได้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อก่อนเกิดเหตุคลื่นยักษ์สึนามิ จึงทำให้ทราบว่าสามารถนำไปขายเป็นราคาได้ จึงเก็บมาไว้ที่บ้าน เพื่อเตรียมนำไปขายให้กับพ่อค้าที่มารับซื้อ โดยครั้งก่อนเคยนำไปขายให้กับพ่อค้าที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาในราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท แต่มาทราบในภายหลังว่าขี้ปลาวาฬดังกล่าวมีราคาซื้อ-ขายกันกิโลกรัมละนับหมื่นบาท
...