"รองนายกฯ สมศักดิ์" เผย สสส.เคาะรับงบสนับสนุนจาก World Bank เพื่อเดินหน้าโครงการเยียวยาด้านจิตใจแก่ผู้บอบช้ำในเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ชี้ ตั้งแต่ปี 2547-2565 เกิดเหตุ 21,485 ครั้ง ทำคนในพื้นที่เครียดสูงกว่าคนทั่วไป 1.54 เท่า-เสี่ยงซึมเศร้า 1.64 เท่า หวังโครงการนี้เข้าไปช่วยดูแลได้
เมื่อวันที่ 23 มี.ค.67 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตนได้มีโอกาสเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีวาระที่สำคัญ คือ การรับทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการ จากธนาคารโลก (World Bank) ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบรับทุนสนับสนุนจากธนาคารโลก เป็นเงินประมาณ 38.9 ล้านบาท (1.1 ล้านดอลลาสหรัฐ) เพื่อขับเคลื่อน "โครงการส่งเสริมการบริการจิตสังคมสำหรับผู้บอบช้ำทางจิตใจ จากผลกระทบของความขัดแย้งในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของประเทศไทย" โดยมีระยะเวลาดำเนินการ 30 เดือน ซึ่งธนาคารโลกเคยให้ทุน สสส.ขับเคลื่อนงานนี้แล้ว เมื่อปี 2566 เพื่อเป็นโครงการต้นแบบ จำนวน 3.5 ล้านบาท ในกลุ่มเป้าหมาย 38 คน โดยธนาคารโลกได้มาติดตามผลแล้วเห็นว่า เป็นโครงการที่ดีจึงให้งบสนับสนุนมาขยายผลต่อ
...
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า การทำโครงการนี้ เพื่อส่งเสริมการบริการจิตสังคมให้ผู้บอบช้ำทางจิตใจ จากผลกระทบของความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ โดยให้คนในพื้นที่ที่ได้รับความไว้ใจจากผู้บอบช้ำมาอบรมด้านจิตสังคม และไปดูแลผู้บอบช้ำทางจิตใจ ซึ่งโครงการนี้เป็นการอบรมอาสาสมัครในพื้นที่ชายแดนใต้ 4 กลุ่ม คือ 1. อสม. 2. นักจิตวิทยาในโรงเรียน 3. NGOs ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กและสตรี และ 4. NGOs ที่ทำงานเกี่ยวกับการเยียวยาผู้ต้องขัง จำนวน 120 คน เพื่อให้อาสาสมัครกลุ่มนี้ ดูแลคนในชุมชนด้วยกันเองได้ โดยครอบคลุมผู้ได้รับการดูแลเด็กและครอบครัวใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ จำนวน 2,400 คน
"จากข้อมูลของศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ พบว่า ช่วงปี 2547-2565 มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนใต้ถึง 21,485 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 7,344 ศพ บาดเจ็บ 13,641 ราย ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ ต้องเผชิญกับความรุนแรงมาอย่างยาวนาน ดังนั้นโครงการนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการให้บริการด้านจิตสังคม โดยกลุ่มคนในชุมชนที่ได้รับความไว้วางใจ ให้แก้ไขปัญหาบาดแผลทางจิตใจจากความรุนแรง ซึ่งจากการสำรวจของกรมสุขภาพจิตยังพบว่า ประชาชนในสามจังหวัดชายแดนใต้ มีความเครียดสูงมากกว่าคนทั่วไป 1.54 เท่า เสี่ยงซึมเศร้ามากกว่าคนทั่วไป 1.64 เท่า เสี่ยงฆ่าตัวตายมากกว่าคนทั่วไป 1.24 เท่า แต่อัตราการเข้ารับบริการด้านจิตเวชภาครัฐน้อยกว่าประชาชนทั่วไป 2.5 เท่า ทั้งที่มีบุคลากรทางด้านจิตเวชมากกว่าภูมิภาคอื่น ดังนั้น ผมจึงสนับสนุนโครงการนี้ ที่จะเข้าไปช่วยดูแลประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ควบคู่กับสิ่งที่ผมกำลังเดินหน้าส่งเสริมอาชีพ และแก้ปัญหาความยากจนให้ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว