ฝรั่งซ่าทำร้ายหมอสาว ส่อหมดอนาคต ไม่ได้อยู่เมืองไทย “ผบช.ภ.8” ชงเพิกถอนวีซ่า ส่งเรื่องให้ ตม.พิจารณาตะเพิดกลับประเทศ หลังพบพฤติกรรมอื้อฉาวหลายเรื่อง “รอง ผวจ.ภูเก็ต” กร้าว อาจขึ้นบัญชีดำห้ามกลับเข้ามาอีก ตั้งคณะทำงานลุยล้างแก๊งต่างชาติข่มขู่คุกคามคนไทยให้เกลี้ยง “ผู้การภูเก็ต” เด้งรับลูก เรียก ผกก.ทุกโรงพักจัดทำบัญชีรายชื่อชาวต่างชาติทุกคน ยันยังไม่พบแก๊งมาเฟียในพื้นที่ “ผบ.ตร.” ฮึ่ม ตำรวจคนไหนมีมาเฟียเลี้ยงดูต้องรับผิดชอบตัวเอง ส่งจเรตำรวจส่วนกลางลงไปคุมคดี

เตะทีเดียวสะเทือนทั้งเกาะภูเก็ต กรณีนายเดวิด หรือนายอัวร์ส บีต เฟหร์ อายุ 45 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ นักธุรกิจเจ้าของปางช้าง ใช้เท้าเตะหลัง พญ.ธารดาว จันทร์ดำ หรือหมอปาย อายุ 26 ปี แพทย์เวชศาสตร์ปฏิบัติการ รพ.ดีบุก จ.ภูเก็ต ขณะนั่งชมพระจันทร์คืนวันมาฆบูชา บนบันไดทางขึ้นลงพูลวิลล่า หมายเลข 23 ริมหาดอ่าวยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่นายเดวิดเช่าพักอาศัยกับภรรยาชาวไทย ด้านนายเดวิดอ้างลื่นล้มขณะลงบันไดและเท้าไปถูกแพทย์หญิง ก่อนออกมายกมือไหว้ขอโทษผ่านสื่อมวลชน แต่เรื่องราวไม่จบง่ายๆ สังคมโซเชียลขุดคุ้ยพฤติกรรมฉาวของฝรั่งเตะหมอไม่หยุด จี้ให้ภาครัฐตรวจสอบเรื่องการทำธุรกิจ การบุกรุกที่สาธารณะ บานปลายถึงขั้นรวมตัวขับไล่นายเดวิดออกไปจากพื้นที่เกาะภูเก็ตด้วย เพราะถือว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดูถูกศักดิ์ศรีคนไทย

ที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 มี.ค. นายอดุลย์ ชูทอง รอง ผวจ.ภูเก็ต เผยความคืบหน้าคดีนายเดวิด ชาวสวิสทำร้ายแพทย์หญิงว่า พนักงานสอบสวน สภ.ถลาง เรียกมาสอบสวนและแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ ตำรวจจะรวบรวมสำนวนส่งอัยการและศาลจังหวัดภูเก็ต ส่วนพฤติกรรมนายเดวิด ตามที่สื่อขุดคุ้ยออกมา เข้าข่ายข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้เกิดความหวาดกลัว สั่งให้ตรวจสอบว่ากระทำผิดกฎหมายหรือไม่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองแจ้งว่านายเดวิดมีวีซ่าถูกต้อง สามารถประกอบธุรกิจได้ และยังจดทะเบียนมูลนิธิด้วย เรื่องนี้ได้ทำหนังสือตรวจสอบไปแล้วว่ามูลนิธิดังกล่าว ดำเนินงานถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะเพิกถอนมูลนิธิตามขั้นตอน พร้อมตรวจสอบการจดทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวปางช้างกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าถูกต้องหรือไม่เช่นกัน

...

ในเรื่องวีซ่า ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรายงานว่า นายเดวิดอยู่ได้ถึง 13 มี.ค.นี้ วีซ่าจะหมดอายุ ดังนั้น ก่อน 13 มี.ค.จะพิจารณาว่าจะต่อวีซ่าให้หรือไม่ ส่วนคดีบุกรุกพื้นที่สาธารณะของวิลล่าหรู อาทิ แนวบันไดไม้ ลานนั่งเล่นไม้ แนวบันไดคอนกรีต แนวกำแพงกันดินหินกล่องสูง เทศบาลตำบลป่าคลอก ได้สั่งให้รื้อภายใน 30 วัน ครบกำหนดปลายเดือนนี้ หากไม่รื้อถอน ท้องถิ่นต้องรื้อถอนเอง และเรียกค่าเสียหายจากการดำเนินการ ส่วนหลักฐานในที่ดิน ให้กรมที่ดินตรวจสอบว่าโฉนดที่ดินถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องจะพิจารณาตามหลักฐานต่อไป” รอง ผวจ.ภูเก็ตกล่าว

นายอดุลย์กล่าวอีกว่า ส่วนที่ชาวบ้านเคลื่อนไหวทวงคืนชายหาดยามู ให้กลับมาเป็นชายหาดสาธารณะยืนยันที่สาธารณะทุกแปลงเป็นของประชาชนใช้ร่วมกัน ถ้ามีผู้ใดบุกรุกครอบครอง จังหวัดจะดำเนินการตามอำนาจเต็มที่ ส่วนชายทะเลอื่นรอบเกาะภูเก็ต ที่มีผู้ฉวยโอกาสเข้ามาประกอบอาชีพผิดกฎหมาย นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ภูเก็ต แต่งตั้งนายอำเภอเป็นหัวหน้าชุด เร่งตรวจสอบ รื้อถอน ควบคุมทุกชายหาด ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ผวจ.ภูเก็ต ยังสั่งการให้หน่วยงานความมั่นคง ตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่าใครเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือมาเฟีย คุกคามข่มขู่ ประกอบอาชีพผิดกฎหมาย ให้ขึ้นบัญชีหรือรายงานมาเพื่อดำเนินการ พร้อมตั้งคณะกรรมการเพิกถอนวีซ่า และขึ้นแบล็กลิสต์ไม่ให้กลับเข้ามาอีก คดีนี้จะเป็นคดีแรกที่จะตรวจสอบสิทธิ์การขอวีซ่าของต่างชาติ

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.สินเลิศ สุขุม ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการตรวจสอบกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบอาชีพใน จ.ภูเก็ต และมีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลว่า เบื้องต้นยังไม่พบกลุ่มแก๊งชาวต่างชาติที่ไปข่มขู่ชาวต่างชาติด้วยกัน รวมไปถึงคนไทย ยังไม่มีข้อมูลตรงนี้ แก๊งมาเฟียต่างชาติในพื้นที่ยังไม่พบ มีแต่ชาวต่างชาติแย่งอาชีพคนไทย ส่วนกรณีมีนายตำรวจถูกโยงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนิทสนมกับชาวต่างชาติที่ทำร้ายแพทย์หญิง ได้สั่งให้ สภ.ถลาง ตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่ยังไม่พบ ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ในส่วนของสายตรวจหรือพนักงานสอบสวนในคดีนี้ ได้ดำเนินการตั้งแต่วันแรกที่แพทย์หญิงเข้าแจ้งความแล้ว และกรณีที่มีภาพนายตำรวจไปนั่งดื่มกินกับนายเดวิด ตรวจสอบพบเป็นเพื่อนของเพื่อนพาไปนั่งร่วมโต๊ะและถ่ายภาพกัน

“วันนี้ได้ประชุมหัวหน้าสถานีตำรวจในสังกัด บก.ภ.จ.ภูเก็ต ตามนโยบาย ผบ.ตร.และ ผบช.ภ.8 ที่กำชับเกี่ยวกับชาวต่างชาติเข้ามากระทำความผิดและเข้ามาทำงานในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ได้สั่งให้ทำข้อมูลชาวต่างชาติทุกคน เมื่อกระทำความผิดจะได้ดำเนินการได้ทันที ส่วนคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ สภ.ถลาง พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายไปแล้ว ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 2 ปาก” พล.ต.ต.สินเลิศกล่าว

ที่สำนักงานตำรวจภูธร ภาค 8 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 กล่าวถึงเรื่องนายเดวิดทำร้ายแพทย์หญิงขณะนั่งอยู่ชายหาดยามู พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ถลาง ว่า นอกจากคดีทำร้ายร่างกายแล้ว กำลังสอบสวนในความผิดอื่นร่วมด้วย มีทั้งขับรถประมาทหวาดเสียว ข่มขู่ และร้องทุกข์กล่าวหาว่าที่ ร.ต.วิบูลย์ ฮ้อบุตร พนักงานขับรถ รพ.ถลาง ว่าหมิ่นประมาทฯ แต่ล่าสุดถอนคำร้องทุกข์ที่ สภ.เชิงทะเล ไปแล้วเมื่อวันที่ 2 มี.ค. และยังมีปัญหาการบุกรุกที่ดินสาธารณะ การออกเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบต้องตรวจสอบ รวมทั้งปัญหาขัดแย้ง ทะเลาะวิวาทกับผู้ให้เช่าอาคารที่ตั้งสำนักงาน แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม และข่มขู่คู่กรณี

พล.ต.ท.สุรพงษ์กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ภ.8 ร่วมกับ ภ.จ.ภูเก็ต ตรวจสอบข้อมูลบุคคลเฝ้าระวังในระบบฐานข้อมูลที่ตำรวจรวบรวมไว้ ตรวจสอบทุกมิติ ที่ลักลอบ ละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลเฝ้าระวังที่เป็นชาวต่างชาติที่อยู่เกินกำหนดเวลา over stay การประกอบอาชีพต้องห้ามของคนต่างชาติ ให้บังคับใช้กฎหมายโดยประสานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ให้รายงานผลการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดวิด หรือนายอัวร์ส บีต เฟหร์ อายุ 45 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เป็นกรรมการผู้จัดการ บจก.อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค (เลี้ยงและจำหน่ายอาหารช้าง) ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรด้วยเงื่อนไข “มีเหตุจำเป็นทางธุรกิจ” และ “เป็นคู่สมรสของผู้มีสัญชาติไทย” พักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 4 ซอยเชิงทะเล 1 ถนนศรีสุนทร ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง จ.ภูเก็ต สมรสกับนางคนึงนิจ ชทาล์ดเอคเกอร์ หรือจ่าทองคำ นายเดวิดเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย ข่มขู่จะก่อเหตุร้ายอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12 (7) ขณะนี้ ภ.จ.ภูเก็ต รวบรวมพยานหลักฐานส่ง ตม.จ.ภูเก็ต เพื่อขอเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของคนต่างด้าว หากได้รับผลการพิจารณาคดีอาญาจะส่งเพิ่มเติม เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯต่อไป ส่วนที่ไปกล่าวอ้างนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน กำลังตรวจสอบข้อเท็จจริง

...

วันเดียวกัน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เปิดเผยว่า สั่งการให้ ผบก.ภ.จ.ภูเก็ต ตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีสื่อออนไลน์แฉพฤติกรรมนายตำรวจใน จ.ภูเก็ต อาจรับเงินชาวต่างชาติหรือแก๊งมาเฟียต่างชาติ หากทำความผิดจริง ตำรวจคนไหนไปรับเงินจริง หรือมีมาเฟียจ่ายเงินดูแลก็ต้องยอมรับสภาพ พร้อมส่งจเรตำรวจจากส่วนกลางลงไปตรวจสอบอีกชั้น ไม่เช่นนั้นคนจะหาได้ว่าตำรวจท้องที่ช่วยเหลือกัน หรือเกิดความไม่โปร่งใสขึ้น ย้ำว่าได้สั่งการไปแล้วว่าให้ตำรวจทั่วประเทศ เอาจริงเอาจังกับมาเฟียชาวต่างชาติตามแหล่งท่องเที่ยว ไม่ใช่แค่ จ.ภูเก็ต เท่านั้น แต่รวมถึงกรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ หรือเกาะสมุย และที่อื่นๆด้วย มาเฟียต่างชาติจะมามีอิทธิพลไม่ได้ ตำรวจไทยต้องจัดการให้หมด แต่ถ้าตำรวจคนใดไปมีผลประโยชน์ก็ว่ากันไปตามรายตัวบุคคล จะดำเนินการอย่างยุติธรรม

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบ ปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้ายื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบนายเดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของปางช้างแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต ที่เช่าช้างมาประกอบธุรกิจศูนย์อนุรักษ์ช้างภูเก็ตในนามบริษัท อีเลเฟนท์ แซงชัวรี่ พาร์ค ภูเก็ต จำกัด แต่มีข่าวว่าซื้อช้างมาอนุรักษ์แค่ตัวเดียว ที่เหลือคือการเช่าช้างมาประกอบธุรกิจศูนย์อนุรักษ์ช้าง เรียกรับเงินบริจาค อีกทั้งวิลล่าหรูที่พักของนายเดวิดมีค่าเช่าหลังละ 1 ล้านบาทต่อเดือน เป็นที่สงสัยว่ามีรายได้จากการประกอบธุรกิจอะไร กอปรกับมีพฤติกรรมทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ขอให้ ปปง.ตรวจสอบว่านายเดวิดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานฉ้อโกง อั้งยี่ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ หากพบเข้าข่ายขอให้ยึด-อายัดทรัพย์สิน และดำเนินคดีอาญาฐานฟอกเงินต่อไป

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่

...