มทภ.4 ยันแจ้งความเอาผิด 9 นักกิจกรรม จชต. ชุมนุมที่ชายหาดวาสุกรี ไม่เกี่ยวเรื่องแต่งกายมลายู ย้ำมีการสร้างความเข้าใจผิดในโลกออนไลน์ เหตุผู้มาร่วมชุมนุมบางส่วนนำธง BRN มาร่วมในกิจกรรมและพูดปลุกระดมกับกลุ่มเยาวชนให้ต่อสู้เพื่อเอกราชปัตตานี
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 67 พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวถึงการแจ้งความดำเนินคดีทางกฎหมายกับนักกิจกรรม จชต.จำนวนทั้งหมด 9 คน ช่วงสายวันนี้ กรณีการชุมนุมที่ชายหาดวาสุกรี อ.สายบุรี ปัตตานี ยืนยันไม่มีอะไรเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายในชุดมลายูอย่างที่มีการสื่อสารสร้างความเข้าใจผิดในโลกออนไลน์ แต่มีสาเหตุจากผู้ร่วมกิจกรรมบางส่วนมีกิจกรรมแฝงกระทำผิดกฎหมาย
"การสื่อสารในโลกออนไลน์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านที่ระบุว่ามีการดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่แต่งกายในชุดมลายูได้สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ซึ่งการชุมนุมที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เมื่อ พ.ค.2565 ที่ผ่านมา โดยผู้มาร่วมงานแต่งกายด้วยชุดมลายูที่เป็นอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น จนท.ได้รายงานถึงกิจกรรมแอบแฝงระหว่างการชุมนุม และมีภาพผู้มาร่วมชุมนุมบางส่วนนำธง BRN มาร่วมในกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการใช้ถ้อยคำบนเวทีในลักษณะของการปลุกระดมกับกลุ่มเยาวชนที่มาร่วมงาน จนท.ความมั่นคงที่ติดตามการจัดกิจกรรมดังกล่าวได้รวบรวมหลักฐานที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีเอาผิดตามกฎหมาย" มทภ.4 กล่าว
...
ผอ.รมน.ภาค 4 กล่าวด้วยว่า การออกหมายเรียกของจนท.ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการแต่งกายชุดมลายู อย่างที่พยายามสื่อสารให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด ชุดมลายูถือเป็นอัตลักษณ์ของคนในพื้นที่ที่มีความงดงามซึ่งรัฐบาลได้ส่งเสริมและให้การสนับสนุน ทางกองทัพภาค 4 ก็ให้การสนับสนุนมาตลอด การจัดชุมนุมจัดกิจกรรมจัดเวทีพูดคุยเป็นเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงความคิดเห็น แต่ต้องไม่มีลักษณะที่ผิดกฎหมาย หรือปล่อยให้บุคคลที่สามมาทำกิจกรรมแอบแฝงกระทบความมั่นคงอย่างที่เกิดขึ้น
และช่วงสายของวันนี้ (9 ม.ค.) ที่ สภ.สายบุรี ปัตตานี นักกิจกรรม จชต. จำนวน 9 คนเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหากรณีการจัดกิจกรรมที่ชายหาดวาสุกรี อ.สายบุรี ในงานฉลองวันฮารีรายอ เมื่อพฤษภาคม ปี 2565 มีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายป.วิ.อาญา ม.116, ม.209 และ ม.210 ว่าด้วยการปลุกปั่นยุยงให้เกิดความไม่สงบ อั้งยี่และซ่องโจร จากหลักฐานที่ปรากฏระหว่างการชุมนุม มีการนำธงของขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN มาร่วมในกิจกรรม รวมถึงการกล่าวบนเวทีและการร้องเพลงปลุกระดมที่มีเนื้อหาให้ต่อสู้เพื่อเอกราชปัตตานี เป็นหลักฐานที่ทางจนท.ตำรวจใช้ประกอบในการดำเนินคดีอาญาเอาผิด
และในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเครือข่ายกลุ่มสิทธิมนุษยชนฯ ใน จชต.ทำ จ.ม.เปิดผนึกถึงเลขาธิการสหประชาชาติขอให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิในการรวมกลุ่มทำกิจกรรมของนักกิจกรรมชาวมลายูมุสลิมประเทศไทย พร้อมเรียกร้องให้ UN กดดันรัฐบาลไทยให้ยุติการฟ้องการดำเนินคดีในลักษณะใช้กฎหมายปิดปาก ในการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและการรวมกลุ่ม ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
...