ปลัดสาว ทำหน้าที่นายทะเบียนอ.สะเดา จ.สงขลา ออกมาชี้แจง กรณีสาววัย 27 กับแม่ ร้องไปขอเปลี่ยนชื่อ ปลัดฯ กลับเขียนมาว่า "ครั้งต่อไปถ้าเปลี่ยนอีก ให้แนบใบรับรองแพทย์ว่ามีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เพราะเปลี่ยนชื่อบ่อย" ยืนยันทักตั้งแต่ครั้งที่แล้วว่าชื่อที่พระตั้งให้ไม่เหมาะ คราวนี้มาเปลี่ยนกลับไปใช้ชื่อเดิม จึงขอหมายเหตุไว้ ถ้ามาเปลี่ยนอีกคราวหน้าต้องมีใบรับรองแพทย์ ไม่ได้สื่อความหมายว่า "บ้า"

จากกรณีน.ส.ธนัชพร วัย 27 ปี ชาวปาดังเบซาร์ ได้ไปติดต่อขอเปลี่ยนชื่อที่ฝ่ายทะเบียนและบัตร อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา สามารถเปลี่ยนได้แต่กลับพบมีเอกสารหมายเหตุ ระบุว่า ผู้ร้องยืนยันจะกลับมาใช้ชื่อเดิม หากมีการขอเปลี่ยนชื่อในครั้งหน้า ขอให้ผู้ร้องนำใบรับรองแพทย์ที่ระบุถึงสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ เนื่องจากผู้ร้องมีการขอเปลี่ยนชื่อบ่อยครั้ง สร้างความไม่พอใจให้กับหญิงสาวที่มาเปลี่ยนชื่อ รวมทั้งผู้เป็นแม่จึงได้เดินทางไปที่อำเภอสะเดาพร้อมกับลูกสาว จะขอเข้าพบนายอำเภอเพื่อขอความกระจ่าง ในกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ได้เข้าพบ เนื่องจากนายอำเภอมีภารกิจ จนมีการร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

...

ล่าสุด วันที่ 29 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้เข้าพบกับ นางสาว ณัชชา ดำรงนุกูลกิจ ปลัดอำเภอ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ ชี้แจงว่า ในวันที่ 10 ต.ค.ปีที่แล้ว น.ส.ธนัชพร มาพร้อมกับผู้เป็นแม่ มาขอเปลี่ยนชื่อโดยอ้างว่าพระได้ให้ชื่อมาเป็นชื่อ (ขอสงวนไว้) ซึ่งพระบอกว่ามีความหมายที่ดีเหมาะกับน้อง ถูกโฉลกกับน้อง แต่ในส่วนของนายทะเบียนได้พิจารณาดูแล้ว ความหมายของชื่อไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ไม่เหมาะกับที่จะใช้เป็นของน้อง คือไม่เหมาะกับผู้หญิง จึงได้บอกกับน้องและคุณแม่ไปว่า น้องต้องอยู่กับสังคม ต้องอยู่กับเพื่อนร่วมงาน กลัวว่าน้องจะโดนล้อในที่ทำงาน จึงบอกคุณแม่ว่าให้ลองหาชื่อใหม่ดีมั้ย ที่เหมาะกว่า เพราะชื่อที่ได้มาวันนี้ไม่เหมาะกับผู้หญิง เหมาะกับผู้ชายมากกว่า

อย่างไรก็ตามในวันนี้ คุณแม่และน้องยืนยันว่าจะใช้ชื่อนี้ เพราะพระให้มาเป็นมงคลกับน้อง ก็เลยบอกว่าถ้าคุณแม่ยืนยันและคุณแม่ให้ระบุไปเลยว่าคุณแม่ยืนยันให้ใช้ชื่อนี้แล้วไม่ประสงค์จะกลับมาเปลี่ยนชื่อเดิมหรือชื่อใหม่อะไรทั้งสิ้น ก็เลยบอกโอเคได้เดี๋ยวจะหมายเหตุไปว่าคุณแม่จะเปลี่ยนชื่อนี้จริงๆ ก็ดำเนินการให้ตามที่ต้องการ

กระทั่งวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา น.ส.ธนัชพร (ซึ่งได้เปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว) ได้เดินทางมาที่อำเภออีกครั้ง เพื่อขอเปลี่ยนชื่อ ซึ่งก็จำได้เพราะเป็นเคสที่ได้ปรึกษาหารือกันก่อนที่จะเปลี่ยนในครั้งนั้น ก็เลยถามว่าวันนี้จะเปลี่ยนชื่อเหรอคะ จะเปลี่ยนเป็นชื่ออะไร ซึ่งน้องบอกว่าจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิม จึงได้บอกว่าวันนั้นทางคุณแม่ได้มาเปลี่ยนให้น้องนะ และคุณแม่บอกให้น้องใช้ชื่อนี้ แล้วก็ไม่ประสงค์จะใช้ชื่อเดิมอีกอะไรแบบนี้ น้องขออนุญาตคุณแม่แล้วหรือยัง แล้วน้องก็เดินออกไปโทรหาแม่ ประมาณนี้ สักพักก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกว่าช่วยดำเนินการให้กับชื่อนี้หน่อย พรรคพวกโทรมาขออะไรแบบนี้ ก็เลยบอกว่าไม่ต้องขอหรอกทำให้หมดไม่ว่าใคร ทำตามนโยบายของท่านนายอำเภอที่ต้องการให้ห้องทะเบียนเป็นเซอร์วิส มายด์ ต้องการให้บริการที่ดีกับประชาชน

ในส่วนของน้อง ยืนยันว่าคุณแม่ให้เปลี่ยน ก็เลยบอกว่าคุณแม่ให้เปลี่ยนคุณแม่จะไม่ว่าอะไรนะ จึงบอกว่า งั้นวันนี้ขอระบุนะเพราะครั้งที่แล้วก็ระบุไปแล้วว่าไม่ประสงค์จะกลับมาใช้ชื่อเดิมหรือชื่อใหม่อีก ซึ่งคุณแม่เป็นคนบอกเอง ครั้งนี้ขอเขียนว่าถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอีก ขอหนังสือรับรองแพทย์นะ เพื่อระบุถึงสติสัมปชัญญะ ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้พูดหยาบคายอะไร ก็ใช้คำพูดทำนองนี้ ก็พูดไปไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาหรือสื่อความหมายว่าไปว่าลูกเค้าบ้าตามที่คุณแม่ให้ข่าวไป

โดยหลังจากที่น้องได้ใบเปลี่ยนชื่อไปแล้ว สักพักคุณแม่น้องก็เดินเข้ามาที่ห้องบอกว่ามาหาตน ซึ่งตอนนั้นตนเองกำลังให้บริการประชาชนอยู่ จึงบอกว่ายังไม่สะดวกนะคะ แต่คุณแม่ไม่รอเดินเข้ามาชี้หน้าด่าเลยว่าคุณใช่มั้ยหาว่าลูกชั้นบ้า ก็เลยบอกว่าไม่มีใครว่าลูกคุณแม่บ้า สติสัมปชัญญะไม่ได้แปลว่าบ้า เค้าบอกว่าแล้วเจอกัน ก่อนที่จะเดินออกไป

"ส่วนของคำว่าบ่อยครั้ง เรามองว่าในปีที่แล้วเขามีการเปลี่ยนไปแล้ว ในการที่จะกลับมาใช้ชื่อเดิมอีกถือว่าบ่อยครั้งมั้ย ปีที่แล้วเปลี่ยน แล้วจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อเดิมอีก ไม่ได้ใช้ชื่ออื่น บางครั้งก็เป็นดุลพินิจ อีกอย่างด้วยความที่เป็นอำเภอชายแดน มีการเปลี่ยนชื่อเพื่ออำพรางตัวตน เนื่องจากติดแบล็กลิสต์ในประเทศมาเลย์ ก็ต้องมีความรอบคอบ เพราะการเปลี่ยนชื่อทำให้เขาสามารถหลบหนีเข้าไปได้ ทั้งที่เป็นคนเดิมแต่ใช้วิธีการเปลี่ยนชื่อ ซึ่งเราจะเจอกรณีอย่างนี้เรื่อยๆ" ปลัดกล่าว

ต่อมาถามถึงข้อความที่ได้ระบุไว้หลังจากเปลี่ยนชื่อเสร็จ ปลัดฯ บอกว่า จากการที่เป็นเจ้าหน้าที่ คำพูดนี้ด้วยความคุ้นชิน เวลาประชาชนมาทำพินัยกรรม เราก็จะบอกว่าให้คุณลุงคุณป้า ไปขอใบรับรองแพทย์มาด้วยว่ามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนทุกประการ ซึ่งเป็นข้อความที่เราใช้พูดคุยกับประชาชนที่มาใช้บริการ ที่ห้องทะเบียนอยู่แล้ว ในส่วนของการเปลี่ยนชื่อไม่ได้มีข้อกฎหมายระบุ แต่เป็นดุลพินิจ ดูความประสงค์ ดูรอบด้าน
อยากจะบอกทุกคนว่าในส่วนของห้องทะเบียนอำเภอสะเดา ยินดีให้บริการประชาชนรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับกฎหมาย ระเบียบว่าจะต้องถูกต้องตรงไปตรงมาตามกฎหมายแค่นั้นเอง ทางห้องทะเบียนไม่มีปฏิเสธ มีแต่ให้ความช่วยเหลือ ใช้หลักรัฐศาสตร์เข้ามาใช้ในการบริการมากกว่า ซึ่งอาจต้องใช้ดุลพินิจเป็นเรื่องๆ ไป ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายประชาชน หรือกล่าวหาประชาชนเลย ปลัดสาวกล่าวทิ้งท้าย

...