กรณีพบคราบน้ำมันและน้ำมันดินลอยเกยชายหาดใน จ.ภูเก็ต ล่าสุด เจ้าท่าภูเก็ตส่ง จนท.กระจายแจ้งความเอาผิดเรือทิ้งน้ำมันลงทะเล หลังมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม-สัตว์ทะเลแล้ว โดยพบเรือต้องสงสัยรวม 81 ลำ คาดคราบน้ำมันหมดใน 1-2 วัน

ความคืบหน้าในการติดตามหาผู้กระทำผิดจากเหตุการณ์พบคราบน้ำมันและน้ำมันดิน (Tar Ball) ถูกคลื่นพัดเข้าหาฝั่งตามแนวชายหาดในพื้นที่ จ.ภูเก็ต จนส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมบริเวณชายหาดและสัตว์น้ำต่างๆ โดยเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 7 ส.ค.66 ที่ สภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายณชพงศ ประนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน

และยังได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กระจายกันแจ้งความดำเนินคดีในสถานีตำรวจภูธรทั้ง 3 อำเภอที่มีชายหาด และได้รับกระทบจากคราบน้ำมันที่ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่ง เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามความผิด พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 119 ทวิ "ห้ามมิให้ผู้ใดเท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใดๆ ให้น้ำมันและเคมีภัณฑ์หรือสิ่งใดๆ ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบอันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้ำไทยอันอาจจะเป็นเหตุให้เกิดเป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตหรือต่อสิ่งแวดล้อมหรือเป็นอันตรายต่อการเดินเรือในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบดังกล่าว ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการแก้ไขสิ่งเป็นพิษ หรือชดใช้ค่าเสียหายเหล่านั้นด้วย"

นายณชพงศ กล่าวด้วยว่า จากการที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ตร่วมกับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมจราจรและความปลอดภัยทางทะเลอันดามัน (CSCA.) ตรวจสอบเรือผ่านระบบ VTS. ที่วิ่งผ่านชายฝั่งตะวันตกของเกาะภูเก็ตออกไปเป็นระยะทาง 95 nautical mile และมีโอกาสเข้าข่ายที่จะสามารถกระทำความผิดได้ ภายในช่วงระยะเวลา 7 วันย้อนหลัง (ช่วงวันที่ 26 กรกฎาคม 66-3 สิงหาคม 2566) พบว่ามีจำนวนรวม 81 ลำ โดยแบ่งเป็นเรือสินค้าจำนวน 62 ลำเรือ Tanker จำนวน 18 ลำ และเรือ Tug Supply จำนวน 1 ลำ จากการประสานข้อมูลกับทัพเรือภาคที่ 3 ซึ่งนำเฮลิคอปเตอร์ทำการบินสำรวจตามแนวชายฝั่งของจังหวัดภูเก็ต ไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม คาดว่าภายใน 1-2 วันนี้น่าจะหมดไป.

...