หัวหน้าอุทยานฯ กระบี่ ชี้แจง เรือนำเที่ยวไม่เกี่ยวกับส่ง นทท.ย่ำปะการัง กำลังเร่งหาตัวทัวร์ที่พา นทท.ดำสคูบา ส่วนกรณีเรือใบจอดทับปะการังน้ำตื้นเกาะยาวาซำจนเสียหาย ได้แจ้งความตำรวจไว้แล้ว
จากกรณีในโลกโซเชียลได้มีการโพสต์เกี่ยวกับ มีเรือใบจอดทับปะการังเสียหายบริเวณ เกาะยาวาซำ จ.กระบี่ ในเขตอุทยานฯ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2566 นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นายอดิศักดิ์ เหงี่ยมสระน้อย ผช.หน.อุทยานฯ และ จนท.สายตรวจ ดำเนินการตรวจสอบบริเวณเกาะยาวาซำ ปรากฏว่า มีความเสียหายของแนวปะการังกินเนื้อที่รวม 3.42 ตร.ม. แยกเป็น 6 จุด จนท.อุทยานฯ จึงรวมรวบข้อมูลและพยานหลักฐานเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง ในความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 มาตรา 19 (2) ฐานกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตราย หรือกระทำการอื่นใดอันส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าเเสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมาตรา 19 (3) ฐานล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใดๆ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินห้าเเสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 ฐาน ล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
...
ในส่วนของกลุ่มนักดำน้ำที่ลงไปเหยียบย่ำแนวปะการัง หน.อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า บริษัททัวร์ที่มีชื่อปรากฏอยู่บนเรือนำเที่ยวที่จอดอยู่บนผิวน้ำ อาจจจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะจากฐานข้อมูลทางบริษัทดังกล่าวไม่ได้จดขออนุญาตเรื่องการดำน้ำแบบสคูบา ซึ่งตอนนี้ทางอุทยานฯ กำลังตรวจสอบว่าบริษัททัวร์ไหนที่นำ นทท.ลงไป โดยจะติดตามมาทำการเปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ
นายฑีฆาวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเรือนำเที่ยวที่จอดล้ำในแนวทุ่นไข่ปลา เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลพบว่าเรือเหล่านั้นไม่ได้มีเจตนาจะเข้าไปรุกล้ำพื้นที่ แต่เพราะจุดดังกล่าวยังไม่ได้ติดตั้งทุ่นสำหรับผูกเรือ บรรดาเรือนำเที่ยว จึงจำเป็นต้องไปผูกกับทุนดังกล่าว ซึ่งทางอุทยานฯ กำลังเร่งดำเนินการเรื่องติดตั้งทุ่นจอดเรือให้เร็วที่สุด.