ในที่สุดกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ (SAG) ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้ประกาศให้ “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง” เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) ของ FAO

นับเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทย

การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง เป็นวิถีการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมของท้องถิ่นที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลากว่า 250 ปี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ดำเนินการยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรไปเมื่อ ต.ค.2564

โดยมีหลักเกณฑ์ให้ SAG พิจารณาพื้นที่ GIAHS ทั้งหมด 5 ข้อ 1.ความมั่นคงอาหาร/ชีวิตความเป็นอยู่ดี, 2.ความหลากหลายทางชีวภาพเกษตร 3.ระบบความรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่นมีมาแต่ดั้งเดิม 4.วัฒนธรรม ระบบคุณค่า และองค์กรทางสังคม และ 5.ลักษณะภูมิทัศน์/และภูมิทัศน์ทางทะเล

ปรากฏว่า การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง เข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อ และล่าสุดเมื่อ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Advisory Group : SAG) ของ FAO ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร

การขึ้นทะเบียนมรดกทางการเกษตรโลกในครั้งนี้ เกิดจากความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ที่ต้องการอนุรักษ์แนวทางการทำการเกษตรที่มีแต่ดั้งเดิม เพื่อส่งต่อทรัพยากรทางการเกษตรให้แก่คนรุ่นถัดไป มีเป้าหมายหลักคือการรักษาระบบนิเวศเชิงเกษตรให้ยั่งยืน เป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในชุมชน

นอกจากนี้ GIAHS ยังเน้นให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร เกษตรกร ชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียจะได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

...

ดังนั้นการขึ้นทะเบียนในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ และยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่.

สะ-เล-เต