องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประกาศให้ "ระบบการเลี้ยงควายปลักพื้นที่ทะเลน้อย" จ.พัทลุง เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของไทย

วันที่ 5 พ.ย. 65 ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความสำเร็จของการขอขึ้นทะเบียน “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง” ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ (Scientific Advisory Group: SAG) ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) โดยได้ประกาศเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (Global Important Agricultural Heritage Systems หรือ GIAHS) ของ FAO และนับเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตรแห่งแรกของประเทศไทยแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เล็งเห็นถึงความสำคัญและอัตลักษณ์ของพื้นที่ รวมถึงวิถีการทำการเกษตรแบบดั้งเดิมของเกษตรกรท้องถิ่น ที่มีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นระยะเวลากว่า 250 ปี ของ “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง” ตลอดจนต้องการยกระดับการปกป้อง อนุรักษ์ และสืบสานวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว สอดคล้องกับนโยบาย BCG และ SDGs

...



จึงได้ดำเนินการยื่นเอกสารข้อเสนอ “การเลี้ยงควายปลักและระบบนิเวศในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง” เพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร ขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) เมื่อเดือนตุลาคม 2564 โดยการพิจารณามีหลักเกณฑ์ของพื้นที่ GIAHS ทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ ความมั่นคงอาหาร/ชีวิตความเป็นอยู่ดี, ความหลากหลายทางชีวภาพเกษตร, ระบบความรู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีมาแต่ดั้งเดิม, วัฒนธรรม ระบบคุณค่า องค์กรทางสังคม และ ลักษณะภูมิทัศน์/และภูมิทัศน์ทางทะเล ซึ่งต้องเข้าหลักเกณฑ์ทั้ง 5 ข้อ

และล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์ ของ FAO เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา ได้ประกาศให้ “การเลี้ยงควายปลักในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อย จ.พัทลุง” เป็นพื้นที่มรดกโลกทางการเกษตร (GIAHS) แห่งแรกของประเทศไทย


สำหรับการขึ้นทะเบียนมรดกทางการเกษตรโลกในครั้งนี้เกิดจากความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ ที่ต้องการอนุรักษ์แนวทางการทำการเกษตรที่มีแต่ดั้งเดิมเพื่อส่งต่อทรัพยากรทางการเกษตรให้แก่คนรุ่นถัดไป โดยมีเป้าหมายหลักคือการรักษาระบบนิเวศเชิงเกษตรให้ยั่งยืน ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ สร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้คนในชุมชน



นอกจากนี้ GIAHS ยังเน้นให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ GIAHS เกษตรกร ชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียจะได้ประโยชน์ร่วมกัน โดยชุมชนในพื้นที่จะได้รับประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ

ดังนั้นการขึ้นทะเบียนในพื้นที่ชุ่มน้ำทะเลน้อยจะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ และยังเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตในชุมชน ทำให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโต และเพิ่มการจ้างงานในพื้นที่ด้วย.