ศาลอาญาทุจริตฯภาค 8 ตัดสินลงโทษ ผอ.โรงเรียนทุจริตเงินโครงการอาหารกลางวันเด็ก กรณีฉาว นักเรียนกินขนมจีนคลุกน้ำปลา ลงโทษฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริตฯ เรียงกระทง 77 กระทง ให้จำคุก 192 ปี 6 เดือน แต่คงให้จำคุก 50 ปี โดยไม่รอการลงโทษ เพราะผู้บริหารโรงเรียนเบียดบังเอาผลประโยชน์ ทำให้เด็กไม่ได้รับอาหารที่มีคุณภาพและจำนวนที่เพียงพอ ส่งผลเสียในระยะยาว พฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ
จากคลิปฉาวนักเรียนโรงเรียนนั่งกินขนมจีนคลุกน้ำปลา จบลงด้วยศาลตัดสินลงโทษจำคุกผู้บริหารโรงเรียนเกือบ 200 ปีรายนี้ เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 ต.ค. โดยเมื่อเร็วๆนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.29/2564 คดีหมายเลขแดง ที่ อท. 42/2565 อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีต ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ เป็นจำเลย ในข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามมาตรา 151 และ 162 ประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 มีคลิปนักเรียนนั่งกินอาหารกลางวันเป็นขนมจีนคลุกน้ำปลาในถาดหลุม ลักษณะเป็นเหมือนศูนย์เด็กเล็ก ระบุว่า “ขนมจีนกับน้ำปลา คือ อาหารกลางวันเด็กโรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี (เด็กโตน้ำแกงหมูสับ)” แพร่ว่อนโซเชียล จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เกิดการทุจริตในโครงการอาหารกลางวันหรือไม่ ต่อมาสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 มีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ ไปช่วยราชการ พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ก่อนคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีมติไล่ออกนายสมเชาว์ โดยให้มีผล ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.61 กระทั่งมีการส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 พิจารณาสั่งฟ้องดังกล่าว
...
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว พิพากษาว่าจำเลยได้กระทำความผิดตาม ก.ม.อาญามาตรา 151 และ 162 (1), (4) กับความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว 77 กระทงให้ลงโทษทุกกระทง โดยให้จำคุกกระทงละ 5 ปี จำเลยรับสารภาพมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษจำคุกเหลือกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมโทษจำคุกทั้งหมด 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
ศาลได้พิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามฟ้องและพยานหลักฐานของโจทก์ตามทางไต่สวนแล้วเห็นว่าการกระทำของจำเลยแต่ละกระทงความผิดแม้คิดคำนวณได้เป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่จำเลยได้กระทำความผิดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจำเลยเป็นผู้บริหารโรงเรียนแต่กลับอาศัยอำนาจหน้าที่เบียดบังเอาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้ ทำให้เด็กนักเรียนในปกครองไม่ได้รับอาหารที่มีคุณภาพและจำนวนที่เพียงพอต่อการพัฒนาทางร่างกาย และย่อมส่งผลเสียในระยะยาว พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
หลังศาลมีคำพิพากษาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวนายสมเชาว์เข้าเรือนจำทัณฑสถานวัยหนุ่มนครศรีธรรมราช