ชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ ร่วมพิธีละหมาดเนื่องในโอกาสวันตรุษอีฎิลฟิตริ หรือ ฮารีรายอปอซอ หลังจากถือศีลอดมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม โดยปีนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่มีการละหมาดรวมในมัสยิดอีกครั้งจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19
วันที่ 2 พ.ค. 65 วันตรุษอีฎิลฟิตริประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1443 ของพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั่วประเทศ ภายหลังจากที่สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ประกาศให้วันที่ 1 เดือน เซาวาล หรือวันฮารีรายอ ตรงกับวันที่ 2 พฤษภาคม 2565 นั้น บรรยากาศที่มัสยิดกลางประจำจังหวัดยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พี่น้องชาวไทยมุสลิม ในพื้นที่ จ.ยะลา กว่า 1,000 คน ได้ร่วมพิธีละหมาดเนื่องในโอกาสวันอีฎิลฟิตริ หรือ ฮารีรายอปอซอ อย่างคึกคัก เพื่อเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ ในเทศกาลฮารีรายอ ตรุษอีฎิลฟิตริ หลังจากได้ร่วมถือศีลอด มาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็ม ในเดือนรอมฎอน
ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในปีนี้สถานการณ์ทุเลาเบาบางลง ทางมัสยิดกลาง จ.ยะลา จึงได้จัดให้มีการละหมาดอีดอีฎิลฟิตริอีกครั้ง เพื่อให้พี่น้องได้กลับมาสัมผัสการเฉลิมฉลองที่อบอุ่น โดยก่อนเริ่มละหมาด ทางอิหม่ามได้ประกาศขอความร่วมมือทุกคนที่มาละหมาดสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลาในขณะทำการละหมาดและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด แม้การเฉลิมฉลองในปีนี้จะไม่เหมือนก่อนการระบาดของโควิด-19 ที่ไม่ได้มีการสวมกอดกัน มีเพียงการสลามกัน ขออภัยซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งมีการบริจาคทาน (ซะกาต) ให้กับผู้ยากไร้ สำหรับวันฮารีรายอ เป็นวันรื่นเริงประจำปี ซึ่งตลอดทั้งวันนั้น ชาวมุสลิมจะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้าน เพื่ออภัยต่อกันในสิ่งที่ผ่านมา เป็นวันที่ทุกคนมีความสุข
...
ที่ จ.นราธิวาส มัสยิดบ้านบูเกะตาโมง ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง ชาวไทยมุสลิม ทั้งหญิงชาย ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ เด็ก ต่างสวมใส่เสื้อโต๊ปชุดใหม่ เดินทางไปร่วมละหมาดวันอีฎิลฟิตริเฉลิมฉลองวันฮารีรายอปอซอ ซึ่งเป็นการปฏิบัติศาสนกิจที่มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก มุสลิมทุกเพศทุกวัยทั้งชายหญิง จะไปร่วมกันละหมาดที่มัสยิดใกล้บ้านอย่างพร้อมเพรียง ทำให้บรรยากาศที่มัสยิดในปีนี้เป็นไปอย่างคึกคัก หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ได้ว่างเว้นการละหมาดอีด ที่มัสยิดมาร่วม 2 ปี.