ปัจจุบันการเลี้ยง “ชันโรง” หรือ “ผึ้งจิ๋ว” เป็นแมลงเศรษฐกิจที่มีอนาคตสดใส ช่วยตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการน้ำตาลทางเลือก เพราะน้ำหวานชันโรงมีสารต้านอนุมูลอิสระ และคุณค่าทางอาหารมากกว่าน้ำผึ้ง

กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชันโรงและผึ้งโพรง บ้านสวนษิริจันทร์ หมู่ 4 ต.ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เป็นอีกหนึ่งวิสาหกิจต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงชันโรง สร้างรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท

นายนพเก้า ใจสมุทร ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ เผยว่า ครอบครัวเลี้ยงชันโรงหรือที่ชาวปักษ์ใต้เรียกว่า “อุง” ในสวนยางพารามากว่า 30 ปี ค่อยๆสะสมสายพันธุ์มาเรื่อย ตอนนี้มีอยู่ 16 สายพันธุ์ มีทั้งชนิดหายากพันธุ์ตัวจิ๋วและสิรินธร และสายพันธุ์ทั่วไป เช่น ปากแตร ปากหมู อิตาม่า และพันธุ์อื่นๆ มีรังชันโรงกว่า 400 รัง

ชันโรงเลี้ยงไม่ยาก ใช้เงินลงทุนน้อย แค่หาพันธุ์ชันโรงที่มีความพร้อมในการสร้างอาณาจักรมาใส่ในรังเพาะเลี้ยงไปตั้งในจุดที่เหมาะสมและปลอดภัย ชันโรงมีรัศมีหากินไม่ไกล ทำให้ควบคุมพื้นที่การเลี้ยงสะดวก

วิธีการเลี้ยงผึ้งจิ๋วหรือชันโรงจะทำแบบเดียวกับผึ้งโพรง ให้ชันโรงออกไปเก็บน้ำหวานจากดอกไม้กลับมาทำรังในขอนไม้ที่เจาะรูไว้ ชันโรงจะทำรังเป็นกะเปาะ สามารถใช้ซีรินจ์หรือเครื่องดูดน้ำหวาน หรือใช้หลอดกาแฟดูดน้ำหวานขึ้นมาทานสดได้

ส่วนการเก็บน้ำหวานชันโรงจะขายได้ทุก 3-6 เดือน ครั้งละไม่ต่ำกว่า 50 กก. ขายขวดละ 100 ซีซี ราคา 170 บาท และขวดละ 1,000 ซีซี ราคา 1,500 บาท นอกจากนี้ยังขายตัวอ่อนนางพญาผึ้งชันโรง รังชันโรงและขี้ผึ้งชันโรงได้อีกทางหนึ่ง

สร้างรายได้ให้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯมากว่า 100,000 บาทต่อเดือน หรือปีละไม่ต่ำกว่า 1,700,000 บาท

...

ส่วนช่องทางจำหน่ายมีทั้งออฟไลน์และออนไลน์ Shoppee Lazada และเฟซบุ๊ก เพจ ชันโรงแมลงเงินล้าน by บ้านสวนษิริจันทร์ และเพจบ้านสวนษิริจันทร์ ฟาร์มผึ้งและชันโรง และโทรศัพท์ 06–2394–4962.

มนตรี สังขาว / รายงาน