เรือผี ไม่ทราบสัญชาติ ไม่รู้ที่มา ไม่มีลูกเรือ ไม่มีสมอ ลอยคว้างกลางทะเล คนงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน บ.เชฟรอน พบอยู่ห่างประมาณระยะทาง 100 ไมล์ จากปากร่องน้ำทะเลสาบสงขลา ล่าสุดจมลงก้นทะเลบริเวณอ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ขณะทหารเรือลากเข้าฝั่ง
จากกรณี ทัพเรือภาค 2 ออกลาดตระเวนตามหาเรือไร้สัญชาติกลางทะเล หลังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่แท่นขุดเจาะน้ำมันเชฟรอน และตรวจสอบพบประมาณระยะทาง 100 ไมล์ ทิศทาง 025 เรือมีลักษณะคล้ายเรือสินค้า ความยาวประมาณ 80 เมตร ไม่มีสินค้าในระวาง ไม่มีหมายเลขเรือ หมายเลขท้ายเรือถูกลบ และไม่มีการพักอาศัยของคนประจำเรือ ไม่มีสมอและโซ่สมอ
สภาพมีน้ำท่วมภายในตัวเรือ ในห้องเครื่องไฟฟ้าและเครื่องจักรใหญ่ ตัวเรืออยู่ในลักษณะเอียงประมาณ 35 องศา จากนั้น พลเรือโทสุนทร คำคล้าย ผู้บัญชาการทัพเรือภาค 2 สั่งการให้เรือ ต.113 จัดเจ้าหน้าที่เข้าทำการสูบน้ำออกเพื่อให้เรือทรงตัวอยู่ได้ไม่จมลงสู่ใต้ทะเล
ความคืบหน้า เช้าวันที่ 9 ม.ค. 65 จากการสอบถาม นาวาเอกวศากร สุนทรนันท รองผู้อำนวยการ ศรชล.จว.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว พลเรือโทสุนทร คำคล้าย ในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 ได้มอบหมายให้พลเรือตรีสุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 2 บูรณาหน่วยในโครงสร้างร่วม และส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรือเตรียมการรับเรือเข้าฝั่งและติดตามหาเจ้าของเรือ
อย่างไรก็ตาม ก่อนนำเรือเข้ามายังฝั่ง ต้องทำความสะอาดเรือไม่ให้มีคราบน้ำมัน และเช็กความพร้อมต่างๆ ซึ่งขณะนี้ทางทัพเรือภาค 2 ได้ส่งเรือและกำลังพลเข้าไปสูบน้ำภายในเรือเพิ่มเพื่อคงสภาพไม่ให้เรือจมลงสู่ทะเล ซึ่งอยู่ใกล้กับแท่นขุดเจาะ ซึ่งอาจขัดขวางการเดินเรือและเป็นภัยต่อทะเลในอนาคต ขณะนี้อยู่ระหว่างการประเมินของกองทัพเรือภาค 2 ว่าจะลากไปที่ใด
...
ล่าสุด เวลา 11.00 วันที่ 9 ม.ค. พล.ร.ต สุรศักดิ์ ประทานวรปัญญา รอง ผอ.ศรชล.ภาค 2 เปิดเผยว่า จากการตรวจพบเรือปริศนา ไม่ปรากฏสัญชาติ และตรวจสอบจากตัวอักษรก็ไม่พบในสารบบ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ดำเนินการสูบน้ำออกจากห้องเครื่องและระวางที่มีน้ำเข้า 40-50 เปอร์เซ็นต์ของเรือ พร้อมทำความสะอาดเรือ โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 ม.ค.) กองทัพเรือภาค 2 และศรชลภาค 2 ได้ชักลากจูงเรือจากพิกัดที่พบเรือ มุ่งหน้าปากน้ำตาปี อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อมาถึงบริเวณพื้นที่ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ห่างจากฝั่ง 28 ไมล์ทะเล ซึ่งมีระดับน้ำลึกประมาณ 28 เมตร สภาวะคลื่นลมแรง ทำให้เรือลำดังกล่าวจมดิ่งลงไปใต้ท้องทะเล
“ได้จัดให้เรือหลวงตาปี และเรือจำนวนหนึ่งเฝ้าพิกัด ประสานกองทัพเรือ และเจ้าท่า ประกาศเป็นพื้นที่เรือจม เพื่อให้ชาวประมงระมัดระวังในการเดินเรือ และขณะนี้เกิดคราบน้ำมันบริเวณดังกล่าวแม้จะมีปริมาณไม่มาก แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบจึงเร่งขจัดคราบน้ำมันให้หมดภายในระยะ 2-3 วันนี้ เพราะจากทิศทางลมและคลื่น อาจจะพัดพาคราบน้ำมันไปทางเกาะมัดสุ่มที่อยู่ห่างกันประมาณ 30 ไมล์ทะเล จึงมีความจำเป็นต้องเร่งขจัดเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยว และสภาพแวดล้อมโดยเร็วที่สุด ในส่วนของการเก็บกู้ซากเรือจะดำเนินการหรือไม่ อยู่ระหว่างการประเมินถึงสภาพความพร้อม ผลกระทบ และอื่นๆ อีกครั้ง”