สิ้นสงสัยจบดราม่า เจ้าคณะ จ.สงขลาเรียกพระอยู่บ้านกับสีกามาสอบ พบเป็นพี่น้องแท้ๆ จริง จึงสั่งให้ออกจากพื้นที่ ป้องกันชาวบ้านที่ไม่รู้ครหา ห้ามไปที่บ้านนี้อีก หลวงลุงขอโทษ ทำพระสงขลาเสียชื่อ
จากกรณีที่เฟซบุ๊ก เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น PART2 โพสต์ภาพพระสงฆ์อยู่ที่บ้านกับผู้หญิงเพียงลำพัง พร้อมข้อความ “ใส่สบงแล้วทรงมาปลูกบ้านอยู่กับสีกาได้เหรอ เจ้าหน้าที่คณะอำเภอจังหวัดสงขลาตรวจสอบหน่อย พิกัดหมู่ 1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พระมาสร้างบ้านพักส่วนตัวอยู่แถวบ้านเรา มากับสีกาทุกวัน โดยใช้รถยนต์ บางครั้งมานอนพักอาศัยตอนกลางคืนด้วย เห็นแล้วเสื่อมความศรัทธา”
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 10 พ.ย. 64 ทาง พ.ต.อ.อภิสฤษฏิ์ มณีโชติ ผู้กำกับการ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ได้ส่งตำรวจชุดสืบสวน และตำรวจฝ่ายป้องกันปราบปราม ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในซอย 3 ควนทอง หมู่ 1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างใหม่ แต่ยังไม่เสร็จ และไม่มีบ้านเลขที่
...
ก็พบกับพระสงฆ์อยู่ภายในบ้านหลังนี้กับสีกาจริง โดยพระอยู่ในชุดสวมแค่สบงกับอังสะ ไม่ได้สวมจีวร เจ้าหน้าที่จึงตรวจใบสุทธิพระ พบว่าเป็นพระจริง ชื่อว่า พระมหาสุภักดิ์ ตุ้งโรจน์ อายุ 68 ปี สังกัดวัดเอี่ยมวรนุช กรุงเทพฯ บวชมาตั้งแต่ พ.ศ.2517 แต่ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไทยเชตวัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย แต่ปัจจุบันมาจำพรรษาอยู่ที่วัดคลองเรียน ใน อ.หาดใหญ่ เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด-19 กลับวัดที่มาเลเซียไม่ได้ ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในบ้านชื่อว่า นางสาวณิชกานต์ ตุ้งโรจน์ อายุ 54 ปี เมื่อสอบถามทั้งสองคนก็บอกว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ สายเลือดเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบรายละเอียดทะเบียนราษฎร์ ก็พบว่าทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันจริง มีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดคนเดียวกัน
จากการสอบถาม พระมหาสุภักดิ์ กล่าวว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของน้องสาวที่กำลังสร้างใหม่ เพื่อให้ญาติพี่น้องซึ่งอยู่ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มาพักอาศัยหากมาทำธุรกิจที่หาดใหญ่ หรือให้พระอาคันตุกะจากมาเลเซียมาพักเมื่อเดินทางมาประเทศไทย ส่วนสาเหตุที่เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ประจำ เพราะต้องมาดูแลบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ รวมทั้งมาเยี่ยมหลานของญาติที่อยู่ในละแวกเดียวกันที่เพิ่งคลอดลูก รวมทั้งให้อาหารสุนัข เมื่อเสร็จธุระแล้วก็จะกลับไปจำวัดที่วัดคลองเรียนทุกวัน ส่วนกรณีที่มาจำวัดที่บ้านหลังนี้ตอนกลางคืน ก็ช่วงที่ลูกหลานเดินทางมาจาก จ.ปัตตานีเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่โซเชียลกล่าวหาว่ามาสร้างบ้านอยู่กับสีกาแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคม ทางพระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา ประสานไปยัง พระปลัดสุภวัฒ สุวณฺโณ เจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสา และพระมหาสันชัย ฐิติฆโร เจ้าอาวาสวัดคลองเรียน ให้เชิญตัว พระมหาสุภักดิ์ เข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ซึ่งอยู่ที่วัดโคกสมานคุณ โดยหลังจากที่มีการพูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง และทางเจ้าคณะจังหวัดสงขลาได้ตักเตือนพระมหาสุภักดิ์ ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่พระจะไปพักอยู่ที่บ้านกับญาติ เพราะคนที่ไม่รู้จักจะเข้าใจผิดเหมือนที่แชร์กันในโซเชียล พร้อมกับหาข้อสรุปเพื่อยุติปัญหาและข้อครหาที่ชาวบ้านอาจจะเข้าใจผิด
ด้าน พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้สั่งห้ามไม่ให้พระมหาสุภักดิ์กลับไปที่บ้านญาติหลังนี้อีก หากมีธุระจำเป็นเร่งด่วนก็ให้แจ้งกับเจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสาก่อนทุกครั้ง รวมทั้งให้ออกจากพื้นที่ จ.สงขลา ไปก่อน เพราะไม่ใช่พระที่สังกัดอยู่ที่วัดใน จ.สงขลา เป็นแค่พระอาคันตุกะ โดยให้ออกจากวัดคลองเรียนไปพักอยู่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เคยไปจำวัดอยู่มาก่อน ส่วนจะเดินทางออกจากวัดคลองเรียนวันไหนนั้น ทางเจ้าอาวาสวัดคลองเรียนจะดำเนินการต่อไป
...
ขณะที่ พระมหาสุภักดิ์ ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดสงขลา และบอกว่าหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก็จะกลับไปอยู่ที่วัดไทยเชตวัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ทันที พร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้คณะสงฆ์ จ.สงขลาเสื่อมเสียเพราะชาวบ้านเข้าใจผิด
ส่วน พันตำรวจเอกอภิสฤษฎิ์ มณีโชติ ผู้กำกับการสถานีตำรวจทุ่งตำเสา กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งก็ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที และทราบว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน และมีพ่อแม่เดียวกัน หลังจากนี้ก็ให้เป็นไปตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา.