ครอบครัวติดใจ สาวทอมวัย 36 ปี ไปบริจาคเลือดให้ รพ.สุราษฎร์ธานี เดินออกมาจากตึกจะกลับบ้าน ถูกรถตู้ของ รพ. ถอยทับและเหยียบซ้ำจนเสียชีวิต นำศพกลับบ้านที่นครศรีธรรมราช กลับไม่มีการรับผิดชอบจากรพ. ไม่มีการขอโทษ ไม่มาเคารพศพ ซ้ำยังโยนกันไปมา อ้างว่าคนขับเป็นอาสากู้ภัย
เวลา 13.30 น. วันที่ 16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางวาสนา อรชร อายุ 66 ปี เลขที่ 072 หมู่ 2 บ้านทานพอ ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของ น.ส.เสาวณีย์ อรชร อายุ 36 ปี อดีตพนักงานบริษัทมือถือค่ายหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ลูกสาวของนางวาสนา ได้พบกับญาติๆ รวมถึงเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานศพ และช่วยทำกับข้าวปรุงอาหาร เพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมฟังสวดอภิธรรม
น.ส.ศิริลักษณ์ สมพิศ อายุ 33 ปี เพื่อนสาวคนสนิทที่พักอยู่ที่เดียวกับ น.ส.เสาวณีย์ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า ช่วงเช้าวันที่ 13 ก.ย. ตอนสาย น.ส.เสาวณีย์ ออกจากที่พักในตัวเมือง จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อไปบริจาคเลือดให้กับทางโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี หลังบริจาคเลือดเสร็จก็เดินทางกลับที่พัก ระหว่างที่กำลังเดินออกจากโรงพยาบาล เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นกับ น.ส.วาสนา มีรถตู้พยาบาลของโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี คนขับได้ขับถอยหลังมาชนจน น.ส.วาสนา ล้มลงไปนอนกับพื้น ก่อนจะถูกรถตู้พยาบาลเหยียบทับขึ้นไปบนร่างและศีรษะ จนบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ข้างตึกที่ไปบริจาคเลือด และอีกไม่กี่ชั่วโมง น.ส.เสาวณีย์ ได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุครั้งนี้ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บรายละเอียดทั้งหมด เพื่อดำเนินการในด้านคดี หาตัวผู้กระทำความผิด
...
หลังเกิดเหตุ ทางครอบครัวและญาติพากันติดใจ เนื่องจากเกิดเหตุในโรงพยาบาล แต่หาคนมารับผิดชอบไม่ได้ เมื่อสอบถามไป เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกลับโยนกันไปมาว่า คนที่ขับรถตู้พยาบาลในวันนั้นไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล แต่เป็นอาสาสมัครของมูลนิธิแห่งหนึ่งที่มาช่วยงานที่โรงพยาบาล ยิ่งทำให้ญาติติดใจ ทาง น.ส.ศิริลักษณ์ เพื่อนสาวคนสนิทที่พักอยู่ด้วยกัน จึงนำเรื่องที่เกิดขึ้นโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว จนมีคนเข้ามาดูและนำไปโพสต์ต่อในทำนองว่า "ผู้เสียชีวิตเดินทางไปบริจาคเลือดที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นถูกรถพยาบาลถอยหลังมาชนและทับศีรษะเสียชีวิตบริเวณหน้าตึกที่ไปบริจาคเลือด อุบัติเหตุแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยจริงๆ ทางญาติบอกมาว่า หลังเกิดเหตุคนขับรถพยาบาล ไม่เคยมาร่วมงานศพผู้เสียชีวิตเลยสักครั้ง"
ขณะที่ นางวาสนา อรชร แม่ผู้เสียชีวิต เผยกับทีมข่าวว่า หลังนำศพลูกสาวกลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดตั้งแต่วันที่ 14 ก.ย. และจะสวดอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 19 ก.ย.นี้ เป็นเวลา 6 วัน ทำพิธีฌาปนกิจในวันจันทร์ที่ 20 ก.ย. ที่วัดสำนักสงฆ์ ปากฉลาม ต.ไม้เรียง อ.ฉวาง ถึงวันนี้ยังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ของ รพ.สุราษฎร์ธานี มาพูดคุย เคารพศพ หรือแสดงความเสียใจกับครอบครัว โดย นายศักดิ์ชัย ตั้งจิตวิทยา ผอ.รพ.สุราษฎร์ธานี บอกกับทางญาติว่าให้เป็นเรื่องของประกัน ส่วนที่ญาติจะเรียกร้องเงินค่าเยียวยาทำขวัญเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาทนั้น ทางโรงพยาบาลไม่มีเงินจะให้
อย่างไรก็ตาม ญาติผู้ตายได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่า หากตกลงกันไม่ได้ก็จะดำเนินการไปตามกฎหมาย โดยจะตั้งทนายความขึ้นมาเพื่อต่อสู้เรียกร้องในส่วนที่ทำได้ และเบื้องต้นอยากจะให้ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานีเข้ามาพูดคุย เคารพศพ และแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่โยนกันไปมาแบบนี้