เขียนถึงเรื่องราวและข่าวสารที่ทำให้ไม่สบายใจและวิตกกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ “เดลตา” ที่แพร่ได้เร็วและแรงมาหลายวันแล้ว ขอเปลี่ยนบรรยากาศมาเขียนถึงข่าวคราวที่เป็น “ความหวัง” ของประเทศกันบ้างนะครับ
นั่นก็คือ ข่าวว่าด้วยการเตรียมตัวเปิด “เกาะสมุย” เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เรียกว่า “สมุยพลัสโมเดล” ต่อจากการเปิดภูเก็ต หรือ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ตามกำหนดการที่วางไว้ “ดีเดย์” ของการเปิดเกาะสมุยก็คือ วันที่ 15 กรกฎาคมครับ...จากวันนี้ไปก็แค่อีก 7 วันเท่านั้นเอง
เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแถลงกับผู้สื่อข่าวว่า รูปแบบของการเปิดเกาะสมุยจะไม่เหมือนกับภูเก็ต โดยใน 3 วันแรกต้องอยู่ภายในบริเวณโรงแรมก่อน...วันที่ 4-7 จะให้ออกจากโรงแรมได้ แต่ก็ต้องอยู่ภายในเกาะสมุยเท่านั้น
ทั้งนี้ ในช่วง 7 วันแรกจะต้องพักในโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือกเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันนี้มี 9 แห่ง รวม 254 ห้อง
หลังจากนั้นวันที่ 8-14 นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปพักที่เกาะพะงันและเกาะเต่าได้
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อร่วมโครงการสมุยพลัสดังกล่าวต้องเข้าเกาะสมุยโดยทางอากาศเท่านั้น สามารถบินจากต่างประเทศมาเปลี่ยนเครื่องได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
จากสุวรรณภูมิจะมีสายการบินบางกอกแอร์เวย์สให้บริการเที่ยวบินพิเศษในเส้นทางกรุงเทพฯ-สมุย ไปกลับวันละ 3 เที่ยวบิน เฉพาะผู้โดยสารที่ร่วมโครงการนี้ตั้งแต่ 15 ก.ค.เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างหารือกับสิงคโปร์แอร์ไลน์และกาตาร์แอร์เวย์สที่จะบินตรงไปลงที่เกาะสมุยในโอกาสต่อไปด้วย
...
ท่านผู้ว่าการ ททท. กล่าวตอนหนึ่งว่า “การเปิดเกาะสมุยในช่วงแรกคงมีนักท่องเที่ยวมาจำนวนไม่มากนัก จะอยู่ที่ 1,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 100 ล้านบาทในช่วงเดือนแรก”
ครับ! ก็เป็นสาระคร่าวๆของข่าวการเตรียมเปิดสมุย เป็นจุดที่ 2 ของประเทศต่อจากภูเก็ต
จะสร้างรายได้มากหรือน้อยแค่ไหนอย่าเพิ่งไปคาดหวังในช่วงนี้ ขอเพียงให้เราสามารถเปิดได้ และมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบ้างตามเป้าหมายที่วางไว้ก็แล้วกัน
เกาะสมุยเคยเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวและเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่ประเทศที่สำคัญแห่งหนึ่งในอดีต
ดังนั้น การที่จะกลับมาเปิดได้อีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่น่ายินดี และก็ถูกต้องแล้วที่เปิดแบบตั้งเป้าหมายไม่สูงนัก อย่างที่แถลงไว้
เพราะต้องถือเป็นโครงการทดลองเช่นเดียวกับ “ภูเก็ต”
ซึ่งจะต้องใช้ความระมัดระวังในเรื่องของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ควบคู่ไปด้วย
แม้รายได้เข้าประเทศเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่ความปลอดภัยของคนไทยเรานั้นสำคัญยิ่งกว่า จึงจำเป็นจะต้องดำเนินการในทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความระมัดระวังรอบคอบ
ทั้งภูเก็ตและสมุยมีข้อเหมาะสมอยู่ประการหนึ่งคือเป็น “เกาะ” หากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น เราก็สามารถจะใช้วิธี “ปิดเกาะ” สกัดกั้นไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาดออกไปสู่ส่วนอื่นๆของประเทศได้
ในกรณีของภูเก็ตมีรายงานว่าการเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในช่วง 4 วันแรกมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้วกว่า 1,700 คน ทำให้ยอดจองห้องพัก 3 เดือนแรก กรกฎาคมไปถึงกันยายนอยู่ที่ 90,000 ห้อง
ก็ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรครับ หวังว่าหากเราควบคุมทุกอย่างได้ดี โดยเฉพาะการไม่มีปัญหาโควิด-19 ระบาดเพิ่มเติม นักท่องเที่ยวมีความรู้สึกว่ามาแล้วปลอดภัยในอนาคตข้างหน้า ยอดนักท่องเที่ยวก็คงจะค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
แม้จะไม่บูมเหมือนยุคก่อนก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ...สถานการณ์อันหนักหน่วงทั้งโลกเช่นนี้ การฟื้นกลับมาได้แม้จะเล็กๆน้อยๆก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว...ค่อยๆผลักดันต่อไป เดินหน้าต่อไปก็แล้วกัน
ผมก็หวังว่า 15 กรกฎาคมนี้ เราคงจะเปิด “สมุยพลัสโมเดล” ได้ตามเป้านะครับ...และประสบผลสำเร็จตามเป้า (แม้จะไม่สูงนัก) เพื่อเป็นกำลังใจสำหรับการเปิดประเทศในจุดอื่นๆต่อไป.
“ซูม”