“กิบหลี-บังหนี” พี่และน้องชาย “บังฟิต” แก๊งอำมหิตฆ่าฝังดิน ทนแรงกดดันตำรวจไม่ไหวติดต่อชิงมอบตัว ยังปากแข็งให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนมั่นใจหลักฐานแน่น ล่าสุดชุดสืบสวนลุยค้นถ้ำแหล่งซ่องสุมใกล้จุดฝังศพเหยื่อ เจอปืนสงครามที่ใช้ก่อเหตุทั้งเอ็ม 16 ลูกซอง และกระสุนเพียบ เดินหน้าเอาผิด 9 ข้อหาหนัก เชื่อยัง มีเพื่อนร่วมขบวนการ ประสาน บช.ปส.สอบขยายผลโยงเครือข่ายยานรกรายใหญ่
จากคดีฆาตกรรมอำมหิตนายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 51 ปี ถูกคนร้ายนำศพไปฝังดินในสวนยางพาราใกล้บ้านหนองแบก หมู่ 1 ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ นำรถเก๋งผู้ตายไปฝังอำพราง หลังเกิดเหตุตำรวจได้ตัวทีมสังหาร 3 คน ประกอบด้วย นายสุริยา หรือบังฟิต เริงสมุทร อายุ 31 ปี นายอาลิพ หรือบังลิพ ช่างเรือ อายุ 27 ปี และนายสุวิทย์ หรือบังเลาะ หรือบังซัน เริงสมุทร อายุ 25 ปี ส่วนนายสุรชัย หรือกิบหลี เริงสมุทร อายุ 37 ปี และนายสุริยันต์ หรือบังหนี เริงสมุทร อายุ 30 ปี พี่และน้องของบังฟิตพร้อมพวกที่ร่วมกันก่อเหตุอยู่ระหว่างหลบหนี ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างไล่ล่าตัวอย่างกระชั้นชิด
ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 24 พ.ค. พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ นำกำลังทีมสืบสวนและชุดปฏิบัติการพิเศษ “ราชเดช” บก.สส.ภ.8 เข้าปิดล้อมตรวจค้นถ้ำเขาลูกไฟ บ้านหนองแบก หมู่ 1 ต.หนองทะเล หลังได้เบาะแสจากชาวบ้านว่าเป็นที่ซ่องสุมของบังฟิตกับพวก อยู่ห่างจากจุดฝังศพนายสุชาติประมาณ 600 เมตร พบอาวุธสงคราม ปืนเอ็ม 16 เอ 4 จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนบรรจุในแมกกาซีน 26 นัด และปืนลูกซองยาว 1 กระบอก เป็นอาวุธที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุนำไปอุ้มตัวนายสุชาติบังคับขึ้นรถไปฆ่าทิ้งเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยกิบหลีเป็นคนใช้ปืนเอ็ม 16 ส่วนบังหนีใช้ปืนลูกซองยาว ขณะนี้ชุดสืบสวนยึดปืนของกลางทั้งหมดและเตรียมแจ้งข้อหาเพิ่มกับกลุ่มผู้ต้องหา
...
ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ นำสำนวนการสอบสวนผู้ต้องหา 2 ราย คือนายสุริยา หรือบังฟิต และนายอาลิพ หรือบังลิพ ส่งฝากขังผ่านระบบออนไลน์ไปยังศาลจังหวัดกระบี่ พร้อมคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ โดยมีนางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี พร้อมกับญาติผู้ตายและทนายความ เดินทางไปที่ศาลเพื่อขอคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เกรงว่าหากได้รับการประกันตัวอาจไปข่มขู่พยานในคดี
ด้าน พ.ต.อ.ตานิตย์เผยว่า พฤติกรรมกลุ่มผู้ก่อเหตุที่มี 3 พี่น้องคือบังฟิต กิบหลี และบังหนีเป็นหัวโจกเป็นกลุ่มเครือข่ายผู้มีอิทธิพล โดยใช้พื้นที่บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล เป็นแหล่งซ่องสุมสิ่งผิดกฎหมายหลายอย่าง หลังจากผู้ต้องหาถูกจับกุมชาวบ้านในพื้นที่เริ่มกล้าออกมาให้ข้อมูลกับตำรวจมากขึ้น ล่าสุดได้ประสานข้อมูลไป บช.ปส. เพื่อขอให้ส่งตำรวจมาร่วมสืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายของบังฟิต เนื่องจากตามเบาะแสที่ชุดสืบสวนได้อาจเชื่อมโยงกับกลุ่มค้ายาเสพติดรายใหญ่ใน จ.กระบี่ โดยกำหนดยุทธการ “หนองแบก แตกสลาย” เข้าปฏิบัติการ เพื่อสร้างความสบายใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ยืนยันว่าเรื่องนี้ตำรวจเอาจริง และจะขยายผลนำไปสู่การอายัดทรัพย์เครือข่ายทั้งหมด
ที่ สภ.อ่าวนาง เวลา 12.45 น. นายสุมิตร รักโอ๋ กำนันตำบลหนองทะเล อ.เมืองกระบี่ นำตัวนายสุรชัย หรือกิบหลี และนายสุริยันต์ หรือบังหนี ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล และ พ.ต.อ.ตานิตย์ รามดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จ.กระบี่ ทันทีที่สองพี่น้องเปิดประตูลงมาจากรถกระบะมาสด้า สี่ประตู สีเทา ทะเบียน กย 3022 พิษณุโลก ชุดสืบสวนเข้าล็อกตัวขึ้นไปสอบปากคำที่ห้องประชุม ศปก.ชั้น 3 ทันที โดยแยกสอบคนละห้อง แต่ทั้งสองยังไม่ยอมให้การใดๆ
ต่อมา พล.ต.ต.ภิญโญ หวลกสินธุ์ ผบก.ภ.จ.กระบี่ ร่วมสอบปากคำกิบหลีและบังหนี จากนั้นเปิดเผยว่า ชุดสืบสวนออกไล่ล่าผู้ต้องหา 2 คนที่ยังคงกบดานอยู่ในพื้นที่และได้รับการติดต่อจากญาติว่าผู้ต้องหาขอมอบตัว จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ให้การปฏิเสธ แต่พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานสามารถดำเนินคดีผู้ต้องหาได้แน่นอน สำหรับสาเหตุปมสังหารเชื่อว่าน่าจะมาจากเรื่องหนี้สิน ส่วนจะมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่อยู่ที่การสอบสวนเพิ่มเติม ขณะนี้ตำรวจได้ตัวผู้ต้องหาตามหมายจับครบแล้ว 5 คน คือนายสุริยา นายสุรชัย นายสุริยันต์ นายสุวิทย์ และนายอาลิพ แต่ตามแนวทางสืบสวนอาจมีผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่มเติม หากสาวไปถึงใครต้องถูกดำเนินคดีหมด ส่วนนายวิรัตน์ หรือบังตั้ม ศรีหมาด ที่ถูกตำรวจนำมาสอบปากคำในตอนแรก ล่าสุดพนักงานสอบสวนปล่อยตัวไป โดยยังไม่แจ้งข้อหา
ผบก.ภ.จ.กระบี่ กล่าวอีกว่า พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาผู้ต้องหา 5 คน รวม 9 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 2.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและมิใช่กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ 4.ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์ 5.ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการหรือเหตุแห่งการตาย 6.ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 7.ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย 8.ร่วมกันเป็นซ่องโจร 9.ร่วมกันมีอาวุธสงคราม ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
...