ผวจ.นราธิวาส แถลงพบผู้ติดเชื้อโควิดรายที่ 5 จากการลักลอบผ่านด่านพรมแดนธรรมชาติ ใน อ.ตากใบ ย้ำมาตรการเข้มควบคุมชายแดน ขอประชาชนจงตระหนัก แจ้งเบาะแสให้ภาครัฐ


วันที่ 22 ม.ค. ที่ห้องประชุมพระนราภิบาล ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ร่วมแถลงข่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 จังหวัดนราธิวาส ภายใต้ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC)

พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 1 ราย เป็นรายที่ 5 ของการระบาดระลอกใหม่ ทำให้จังหวัดนราธิวาสมีผู้ป่วยสะสม 48 ราย นับตั้งแต่มีการระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา

โดยผู้ป่วยรายใหม่ เป็นชายไทย อายุ 50 ปี มีภูมิลำเนา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ไปประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยผู้ประกอบอาหารร้านอาหาร ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย เดินทางกลับเข้าประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย ข้ามชายแดนโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2564

ทั้งนี้ จากสถานการณ์การระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 พบผู้ป่วยใหม่ 3,170 ราย เฉพาะรัฐกลันตัน พบผู้ป่วยใหม่ 135 ราย ซึ่งจังหวัดนราธิวาสมีชายแดนติดกับรัฐกลันตัน จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการระบาดข้ามชายแดน หากไม่มีการเฝ้าระวังและสกัดกั้นการลักลอบเข้าทางช่องทางธรรมชาติ 

ด้านนายแพทย์วิเศษ สิรินทรโสภณ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า จากการสอบสวนโรคผลยืนยันพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 1 ราย เป็นผู้ป่วยสะสมรายที่ 48 และเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่รายที่ 5 เดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซีย โดยข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่อำเภอตากใบ ขณะนี้กำลังพักรักษาตัวในโรงพยาบาลศรีสาคร รู้สึกตัวดี มีอาการไอเล็กน้อย ไม่เจ็บคอ และไม่มีไข้

...

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ เป็นชายไทย อายุ 50 ปี มีภูมิลำเนา อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เดินทางข้ามแดนจากประเทศมาเลเซีย เข้าประเทศไทยแบบผิดกฎหมาย โดยผ่านช่องทางธรรมชาติ อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส จากการสอบสวนพบว่า ตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ผู้ป่วยไปประกอบอาชีพเป็นผู้ช่วยผู้ประกอบอาหารร้านอาหาร ในรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย มีเพื่อนคนไทยทำงานร่วมกัน 7 คน

มี Timeline ดังนี้ เดือนกันยายน 2563 - 14 มกราคม 2564 ทำงานประจำอยู่ร้านอาหารในรัฐกลันตัน ไม่ได้เดินทางไปไหน และไม่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยรายใดๆ ในมาเลเซีย

วันที่ 15 มกราคม 2564 เดินทางกลับเข้าประเทศไทยโดยผ่านช่องทางธรรมชาติ ในพื้นที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส มีเพื่อนชาวมาเลเซียขับรถยนต์ส่วนตัวมาส่งที่ชายแดนมาเลเซีย-ไทย และนั่งเรือข้ามแม่น้ำขึ้นฝั่งปะลุกา ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ มีภรรยา พี่สาวภรรยา หลานชาย มารับที่ท่าเรือ แล้วนั่งรถกระบะ ไปรายงานตัวที่สำนักงานสาธารณสุขอำเภอเจาะไอร้อง และไปรายงานตัวเพื่อซักประวัติเพิ่มเติมที่สำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนราธิวาส (กกท.นราธิวาส) แล้วส่งไปกักกันตัวที่ LQ กองร้อย อส. อำเภอศรีสาคร

วันที่ 16-18 มกราคม 2564 ผู้ป่วยถูกกักตัวที่ กองร้อย อส. อ.ศรีสาคร โดยมีผู้ถูกกักตัวรวมทั้งหมด 20 คน เจ้าหน้าที่ที่ดูแล LQ 2 คน อส. 2 คน

วันที่ 18 มกราคม 2564 เก็บตัวอย่างตรวจครั้งที่ 1 ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 จังหวัดสงขลา

วันที่ 19 มกราคม 2564 โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 12 จังหวัดสงขลา รายงานผลยืนยันพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ขณะนี้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลศรีสาคร รู้สึกตัวดี มีอาการไอเล็กน้อย ไม่เจ็บคอ และไม่มีไข้ มีผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ 59 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 26 ราย เก็บตัวอย่าง 26 ราย ผลตรวจครั้งที่ 1 ไม่พบเชื้อ 26 ราย รอส่งตรวจครั้งที่ 2 วันที่ 24 มกราคม 2564 จำนวน 19 ราย ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 ราย

จากกรณีผู้ป่วยใหม่รายนี้ เป็นผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค คือ ประเทศมาเลเซีย ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ดังกล่าว แม้จะไม่มีอาการใดๆ มีความเสี่ยงอาจจะนำเชื้อโรคไปติดคนใกล้ชิดไม่รู้ตัว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนราธิวาส มีความห่วงใยต่อชาวจังหวัดนราธิวาส จึงขอความร่วมมือจากญาติๆ ของผู้ที่เดินทางกลับจากมาเลเชีย หรือ จากจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุดปฏิบัติตามมาตรการดังนี้ ญาติที่ไปรับควรไปรับได้เพียง 1 คน ญาติที่ไปรับหากไม่มีการป้องกันตัวถือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่กักตัว (LQ) ยานพาหนะที่นำไปรับต้องแบ่งโซนที่นั่ง เพื่อป้องกันการสัมผัสกับผู้ที่เดินทางกลับมา ผู้เดินทางกลับมาและผู้ที่เดินทางไปรับ ต้องปฏิบัติตามมาตรการทางกระทรวงสาธารณสุขกำหนด คือ การเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การสวมหน้ากาก การล้างมือ

โดยขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 อย่างเคร่ง ด้วยการ D Distancing : เว้นระยะห่างกัน 1-2 เมตร M Mask wearing : สวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้านไปในที่สาธารณะ H Hand washing : ล้างมือให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ T Testing : ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ก่อนเข้า-ออกทุกสถานที่ หรือตรวจหาเชื้อ (เฉพาะผู้ที่สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน) T Thai cha na : ลงชื่อสแกนไทยชนะทุกสถานที่ที่ไป.