“ช่างพันธ์” ชาวบ้านที่คอยช่วยดูแลวัดใหม่ เล่านาทีพบร่าง "หลวงม่อน" จมน้ำดับคารั้ววัดลอยไปติดพงหญ้า คาดว่าลื่นล้มจมน้ำ เผยท่านยอมเสียสละรักษาวัดเก่ากว่า 200 ปีแห่งนี้มา 26 ปีแม้ถูกน้ำท่วมตลอด
กรณีที่ พบร่างพ่อท่านมงคล หรือ หลวงม่อน กิตฺติญาโณ อายุ 65 ปี พระภิกษุ เป็นผู้ดูแลวัดใหม่ บ้านท่าจีน ต.บางรัก ลอยคว่ำหน้าจมน้ำมรณะภาพ พร้อมกับซากสุนัขสีดำอีก 1 ตัว ภายในวัด จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นไม่พบบาดแผลตามลำตัวหรือร่องรอยถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าตกน้ำเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4 วัน ขณะเดียวกันถือเป็นศพที่ 2 จากเหตุอุทกภัยจังหวัดตรังตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้าแล้วนั้น
...
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.63 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังภายในวัดใหม่ที่เป็นจุดพบร่าง พ่อท่านมงคล (ม่อน) กิตฺติญาโณ อายุ 65 ปี วันที่ 9 ธ.ค.63 ที่ผ่านมา โดยบรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยน้ำ ซึ่งมีปริมาณลดลงอยู่ที่ประมาณ 50 ซม. สามารถเดินเท้าเข้าไปได้แล้ว พบว่ากุฏิและโบสถ์อยู่ในสภาพที่เริ่มผุพัง บางหลังร้าง ภายในวัดพบสุนัขจำนวนหนึ่งว่ายน้ำไปมา และอีกส่วนหนึ่งอยู่ภายในโบสถ์ และได้เห่าหอนอย่างต่อเนื่อง
จากการสอบถาม นายสุรพันธ์ สั้นเต้ง หรือช่างพันธ์ อายุ 53 ปี ชาวบ้าน ม.4 ต.บางรัก ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งคอยทำความสะอาด และเป็นผู้พบร่างคนแรก เปิดเผยว่า ตนมาล้างโบสถ์ และเจดีย์เป็นประจำ เพราะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จึงอาสามาดูช่วยดูแลวัด คอยทำความสะอาด ซึ่งล่าสุดก่อนพบศพ 3 วัน ตนมาล้างเป็นปกติและจะเรียกหลวงม่อนทุกวัน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงขานรับ ซึ่งช่วง 1-2 วันแรกที่ล้างก็เริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าแล้ว แต่ก็คิดว่าหมาในวัดตาย เพราะน้ำท่วมวัด จนกระทั่งวันที่ 3 ช่วง 4 โมงเย็น พบว่ากลิ่นเหม็นเน่าเริ่มมากขึ้น ตนรู้สึกแปลกใจ ตนจึงขึ้นมองจากที่สูงเพื่อดูว่ามีอะไรตาย เมื่อเห็นศพก็คิดว่าเป็นสัตว์ เช่น วัว เพราะสภาพศพดำเนื่องจากถูกแดดเผาจนผิวลอก แต่เมื่อพายเรือเข้าใกล้เห็นตัวดำ และเห็นจีวรจึงมั่นใจว่าเป็นหลวงม่อนแน่นอน วินาทีแรกรู้สึกตกใจมากและไม่สามารถภายเรือได้ ก็พยายามพายเรือต่อไปจนถึงฝั่งก่อนจะประสานไปยังเจ้าหน้าที่
ชาวบ้านที่มาช่วยดูแลวัด กล่าวต่อว่า ตนคิดว่าหลวงม่อนน่าจะเดินมาเก็บเครื่องปั๊มน้ำที่อยู่ข้างหน้ามาไว้ในโบสถ์ ปกติต้องยก 2 คน แต่หลวงม่อนยกคนเดียว หลังจากเก็บเครื่องปั๊มน้ำเรียบร้อยแล้ว จะปิดประตูหลังโบสถ์ทันที เพราะตนสังเกตเห็นว่าประตูหลังถูกใส่กลอนไว้ แต่ช่วงที่ตนมาล้างโบสถ์พบว่าประตูหน้าโบสถ์ไม่ได้ถูกล็อก โดยปกติหลวงม่อนจะล็อกทุกครั้ง และตนต้องขอกุญแจเพื่อมาเปิดประตูเป็นประจำ ตนคิดว่าช่วงที่หลวงม่อนกำลังจะล็อกประตูหน้าโบสถ์อาจจะลื่นตกลงไปในน้ำ ก่อนกระแสน้ำจะพัดร่างลอยไปติดพงหญ้าจุดที่พบศพ
...
"ตนรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาก เพราะตนมีความนับถือ และมาพบหลวงม่อนบ่อย ซึ่งท่านมักจะนำอาหารที่ได้ออกบิณฑบาตมาให้ตนเสมอ และมีความคลุกคลีกันเป็นประจำ หลังจากนี้ตนก็จะยังมาดูแลวัดนี้ต่อไป ที่ผ่านมาทุกครั้งหลังจากดูแลวัดตนเคยขอโชคขอลาภบ้าง ก่อนจะฝันและถูกหวยมาแล้ว 11 ครั้ง แต่ตนก็ตั้งใจมาทำความสะอาดด้วยความตั้งใจจริง เมื่อสมัยอดีตบริเวณวัดนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านนำรกเด็กแรกเกิดมาฝังไว้ และยังเป็นสุสานเก่าด้วย เป็นที่ฝังศพเด็ก" ช่างพันธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ญาติโยมรายหนึ่งที่สนิทกับพ่อท่านมงคล หรือหลวงม่อน ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า วัดนี้จะเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งมาก เพราะอยู่ในที่ลุ่มและติดแม่น้ำตรัง ในช่วงที่เกิดน้ำท่วม จะมีน้ำท่วมสูงหลายเมตร บางปีก็ 3-4 เมตรแต่พ่อท่านมงคล ท่านก็ไม่เคยย้ายวัดไปอยู่วัดที่อื่นเลย กระผมเคยเอ่ยพูดกับท่านว่า "อาจารย์ทำไมไม่ย้ายไปอยู่วัดอื่น วัดที่สะดวกสบายกว่านี้ ผมพาไปอยู่ที่วัดแถวบ้านผมก็ได้" ท่านหันหน้ามาพูดกับผมว่า..."นี่แหละ !!! มีคนคิดแบบมึงนี่แหละที่วัดได้ร้างหมด" และวัดแห่งนี้ไม่มีไฟฟ้าใช้มาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนี้
...
ส่วนบรรยากาศงานศพของหลวงม่อน ที่วัดประสิทธิชัย (วัดท่าจีน) นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ เดินทางมอบพวงหรีด เพื่อเคารพศพและร่วมไว้อาลัยแด่หลวงม่อน สำหรับงานบำเพ็ญกุศลศพหลวงม่อนนั้น ทางพระประสิทธิโสภณ เจ้าอาวาสวัดประสิทธิชัย (วัดท่าจีน) พร้อมคณะได้เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน โดยมีการกำหนดตั้งศพ 3 วัน และเริ่มสวดศพช่วงเวลา 19.00 น. วันนี้ ก่อนจะมีการฌาปนกิจวันที่ 12 ธ.ค. 63 นี้ ทั้งนี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้มอบผ้าไตรจีวร และปัจจัย เพื่อมาช่วยงานศพครั้งนี้
ขณะที่ พระปลัดณรงค์วิทย์ สิทธิเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประสิทธิชัย เลขานุการรองเจ้าคณะจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า หลวงม่อนท่านเป็นคนจังหวัดตรัง เป็นพระที่มีความอดทนได้สละแรงกายแรงใจทุกอย่างดูแลวัดเพียงลำพัง ซึ่งวัดดังกล่าวมักจะน้ำท่วมทุกปี จนกระทั่งกลายเป็นวัดร้าง แต่ท่านก็มีความมุ่มานะที่จะรักษาวัดไว้ในพระศาสนา พูดได้ว่า เป็นพระที่มรณภาพในหน้าที่ สร้างความเสียใจให้กับชาวพุทธที่ต้องสูญเสียพระที่มีความเสียสละไป
...
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประสิทธิชัย กล่าวต่อว่า หลวงม่อนท่านได้จำวัดใหม่ท่าจีนมาเป็นเวลา 26 ปี ได้บวชมา 28 พรรษา บวชเสร็จก็ได้จำวัดนี้เลย อยู่เพียงรูปเดียวพร้อมหมาอีก 2 ตัว ทุกๆ เช้าจะออกไปบิณฑบาต ทุกๆ เช้าจะเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของชาวบ้านในพื้นที่ เณรทุกรูปจะนับถือท่านซึ่งถือเป็นพระที่มีความอดทนสำหรับคนที่เป็นพระ เป็นเณร การบิณฑบาตเลี้ยงชีพนั้นถือเป็นกิจของเรา ในฐานะเป็นพระที่สังกัดอยู่วัดนี้ เมื่อมรณภาพลงก็ต้องจัดงานช่วยเหลือกัน ก็จะทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงาน พระช่วยเหลือพระถือเป็นเรื่องธรรมดา
สำหรับวัดท่าจีนใหม่นั้น เป็นวัดที่มีการจัดตั้งมาเป็นเวลากว่า 200 ปี คู่กับหลวงพ่อวัน มะนะโส พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง แต่เนื่องจากเกิดน้ำท่วมบ่อยจึงกลายเป็นวัดร้าง และเป็นธรณีสงฆ์ในปัจจุบัน สำหรับการบูรณะใหม่นั้นถือเป็นเรื่องยาก แต่จะรักษาสิ่งที่เหลืออยู่ให้คงทน หลังจากนี้ก็น่าจะให้พระจากวัดท่าจีนนี้ไปดูแลก่อนในช่วงน้ำลด.