แม่จูงแขนลูกสาวหาหอยแครงในป่าชายเลน แต่ได้แมงดาทะเลติดมือมา 3 ตัว ลูกนำมาเผากิน โดนพิษเล่นงาน และเสียชีวิตต่อมา แต่ติดใจตอนส่งไปรพ. ที่รู้ว่าอาการสาหัส แต่ปล่อยให้กลับมารักษาตัวที่บ้านจนเกิดเหตุการณ์เช่นนี้
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 5 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งว่า มีชาวบ้านกิน "แมงดาทะเล" แล้วเสียชีวิต ขณะนี้มีการตั้งศพบำเพ็ญกุศลศพที่สำนักสงฆ์กิ่งแก้ว ม.3 ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เห็นที่ศาลาบำเพ็ญกุศลศพมีการตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นางสาววันทนา พุดช่อ อายุ 46 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
จากการสอบถาม นางสมใจ กิ่งวงศา อายุ 64 ปี เล่าว่า ตนเป็นมารดาของนางสาววันทนา พุดช่อ อายุ 46 ปี โดยก่อนหน้านี้เหตุเกิดเมื่อวันที่ 2 ต.ค. ได้ชวนผู้ตายออกไปหาหอยแครงบริเวณป่าชายเลน ซอยกิ่งแก้ว ต.รัษฎา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ได้เจอแมงดาทะเล 3 ตัว จึงนำกลับมาที่บ้านเพื่อปรุงเป็นอาหาร ซึ่งผู้ตายได้เอามาเผาสดๆ 1 ตัว หลังเผาจนสุก ผู้ตายได้รับประทานเข้าไป ตนพยายามที่จะขอผู้ตายรับประทาน แต่ผู้ตายไม่ยอมให้รับประทาน ผู้ตายทานเพียงคนเดียว หลังผู้ตายทานไปสักพักเริ่มมีอาการอาเจียน เดินเซ มึนศีรษะ จึงได้รีบนำส่งโรงพยาบาลองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต (อบจ.ภูเก็ต) เนื่องจากผู้ตายมีอาการค่อนข้างหนัก
นางสมใจ เล่าไปพร้อมน้ำตาคลอเบ้าว่า รู้สึกเสียใจว่าลูกซึ่งมีอาการหนัก บอกแล้วว่ากินแมงดาเข้าไปมีพิษ ทำไม รพ.อบจ.ภูเก็ต ไม่ทำเรื่องส่งต่อที่ รพ.วชิระภูเก็ต ยังให้กลับมานอนรักษาตัวที่บ้าน จากนั้นไม่นานเมื่อถึงบ้าน ผู้ตายมีอาการตัวเขียวมือเขียวขึ้นมา จึงโทรเรียก 1669 เมื่อเจ้าหน้าที่ 1669 มาถึง ทำการปั๊มหัวใจ และนำตัวส่ง รพ.วชิระภูเก็ต และต่อมาผู้ตายได้เสียชีวิตลง แพทย์ชันสูตรพลิกศพยืนยันว่าเสียชีวิตจากพิษแมงดาทะเล
...
"แม่ติดใจว่าทำไม รพ.อบจ.ภูเก็ต ไม่ส่งลูกสาวไป รพ.วชิระภูเก็ต และยังให้กลับมานอนที่บ้าน อีกทั้งที่ยังมีอาการโคม่า และสุดท้ายลูกสาวมาตาย" นางสมใจกล่าว
ด้าน นายสอน วงษ์ศาลา หรือกัปตันสอน ผู้ชำนาญเรื่องสัตว์ทะเล กล่าวว่า จากที่เห็นสัตว์ทะเลในรูปพบว่า เป็นแมงดาถ้วยอยู่ตามป่าชายเลน ตัวไม่ใหญ่ ปลายหางมีขนทั้งสองข้าง มีพิษร้ายแรง ประชาชนที่จะไปหาแมงดามารับประทานขอเตือนว่า แมงดาถ้วย มีพิษและอันตรายมาก ไม่ควรนำมารับประทาน เพราะทำให้เสียชีวิตได้.