ในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ “กพต.” ที่ผ่านมา ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อติดตามความก้าวหน้ายุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
หนึ่งในโครงการคือ “เมืองต้นแบบที่ 4” หรือ “เมืองอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต”
เป็นโครงการที่รัฐบาลมีมติเห็นชอบให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด โดยมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นผู้อำนวยความสะดวก และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาอาชีพของคนในพื้นที่ “เมืองต้นแบบที่ 4” ประกอบด้วย ต.นาทับ, สะกอม และตลิ่งชัน อ.จะนะ จ.สงขลา ให้มีความมั่นคง มั่นใจ
...
พร้อมกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังได้มอบหมายให้ ศอ.บต. สร้างความเข้าใจกับคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องและมากขึ้นกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ยังได้สั่งการให้ ทุกหน่วยงานในพื้นที่สนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “เมืองต้นแบบที่ 4” เป็นการช่วยเหลือ ศอ.บต. อีกทางหนึ่งเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว และความเชื่อมั่นของคนในพื้นที่ว่าเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคง ประเทศชาติ และประชาชนในพื้นที่ได้ประโยชน์อย่างแน่นอน
ดังนั้น “เมืองต้นแบบที่ 4” จึงอยู่ในช่วงของการผลักดันให้เดินหน้าต่อ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในพื้นที่ ไม่ได้สั่งให้ “หยุด” หรือ “ชะลอ” โครงการอย่างที่คนบางกลุ่มออกมาสร้างความสับสนให้เกิดขึ้น
โดยข้อเท็จจริงแล้ว นโยบายของการขับเคลื่อน “เมืองต้นแบบที่ 4” ถือเป็น “วิกฤติในโอกาส” ของการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะสถานการณ์ของประเทศ ณ วันนี้ถ้าเอกชนไม่เป็นผู้ลงทุนเชื่อว่า โครงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่จะ ไม่เกิดขึ้นในภาคใต้อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งยังมีเรื่องของความไม่ปลอดภัย เพราะผู้ก่อความไม่สงบ ยังปฏิบัติการทาง “การทหาร” และ “การเมือง” อยู่
การที่เอกชนจำนวน 2 บริษัท เข้ามาลงทุนทำ “อุตสาหกรรม” ที่ไม่มี “ปิโตรเคมี” ในพื้นที่ 17,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 ตำบล คือการ “แปรวิกฤติให้เป็นโอกาส” ของจังหวัดชายแดนภาคใต้นั่นเอง
...
วิกฤติของการก่อการร้าย วิกฤติของคนว่างงาน วิกฤติของนักศึกษาจบใหม่ และจบมาแล้วยังตกงาน จะได้รับการแก้ไขจากการเกิดขึ้นของ “เมืองอุตสาหกรรมในอนาคต” และจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบอาชีพเดิมที่มีอยู่แล้ว และเกิดอาชีพใหม่ขึ้นมาอีกมากมาย เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับเขตอุตสาหกรรมอื่นๆ ในประเทศไทย
ต้องขอชื่นชมแนวคิดของ พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ที่ให้ ศอ.บต.ประชุมร่วมกับสถานศึกษาระดับอาชีวะในพื้นที่ 5 อำเภอ โดยให้เอกชนผู้ลงทุนร่วมกำหนดแผนในการผลิตนักศึกษาเพื่อให้ตอบโจทย์ของ “ตลาดแรงงาน”
...
ถือเป็นการ “ร่วมกันออกแบบ” ของการพัฒนา ระหว่างสถานศึกษา หน่วยงานของรัฐ และเอกชนผู้ลงทุน เพื่อให้การผลิตนักศึกษาที่จบใหม่ตรงกับตลาดแรงงานของเอกชน
โดยข้อเท็จจริง นอกจากสถานศึกษาระดับ “อาชีวะ” แล้ว ใน จ.สงขลา ยังมีสถานศึกษาระดับมหาวิทยาลัยอีก 5 แห่ง เช่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา, มหาวิทยาลัยราชมงคล, มหาวิทยาลัยทักษิณ ซึ่งเป็นของรัฐ และ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ที่เป็นของเอกชน
ดังนั้น มหาวิทยาลัยทั้ง 5 แห่ง ควรจะปรับตัวในการผลิตนักศึกษาคณะต่างๆ เพื่อให้ตรงกับตลาดแรงงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต สอดรับการเกิดขึ้นของ “เมืองต้นแบบที่ 4” รวมทั้งการเกิดขึ้นของ “เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอำเภอสะเดา” และอุตสาหกรรมอื่นๆด้วย
...
เป้าหมายของนักศึกษาคือการเรียบจบแล้วมีงานทำ ส่วนเป้าหมายของผู้ปกครองคือการเห็นลูกหลานได้ทำงานในบ้านเกิดเมืองนอน
ในยุคเศรษฐกิจของประเทศ “หัวทิ่ม” รวมทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่าง จีน กับ สหรัฐอเมริกา และการเกิดขึ้นของ “โควิด-19” คือสิ่งบอกเหตุว่าเราจะต้องต่อสู้เพื่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่าเร็ว 5 ปี อย่างช้า 10 ปี
ดังนั้น “เมืองต้นแบบที่ 4” เป็นการลงทุน ของเอกชนในวงเงิน 6 แสนล้านบาท และเป็นการลงทุนในอุตสาหกรรม “สีเขียว” ไม่มีอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จึงเป็น “โอกาส” ใน “วิกฤติ” อย่างแท้จริงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะนักเรียน นักศึกษาในสถานศึกษาทุกแห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่
ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับผู้บริหารสถานศึกษาคิดอย่างไร มองอย่างไรกับการเกิดขึ้นของ “เมืองต้นแบบที่ 4” พร้อมหรือยังที่จะแสดงความคิดเห็น
เพื่อร่วมกันออกแบบ “เมืองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต” ร่วมกับภาครัฐและเอกชนเจ้าของโครงการ.
สมพร หาญณรงค์