ไร้ปาฏิหาริย์เด็กนักเรียนชายวัย 2 ขวบ เหยื่อครูลืมในรถตู้ตากแดดขาดอากาศนาน 6 ชั่วโมง เสียชีวิตแล้วหลังอาการโคม่านอนรักษาตัวมา 4 วัน ครอบครัวหลั่งน้ำตายอมปลดเครื่องพยุงชีพ ยันดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช รุดมอบเงินช่วยเหลือและให้คำแนะนำด้านคดี ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหา 2 ครู กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
จากกรณีครูศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดศรีมาราม ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ลืมนักเรียน ด.ช.บอย (นามสมมติ) อายุ 2 ขวบ ภายในรถตู้รับส่งนักเรียนนานกว่า 6 ชั่วโมง จนอยู่ในสภาพไม่รู้สึกตัวสมองบวม ตับ ไต เริ่มไม่ทำงานอยู่ในภาวะวิกฤติ ต้องนอนพักรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช แพทย์และพยาบาลต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ครอบครัวน้องบอยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.พิปูน เพื่อเอาผิดกับนางสุนิษา ผูกพาณิช หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กวัดศรีมาราม รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เข้าข่ายกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 ส.ค. พล.ต.ต.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช เข้าเยี่ยมอาการน้องบอย นอนพักรักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช มีหัวหน้าทีมพยาบาลสรุปรายงานอาการล่าสุดว่าพบม่านตาขยายไม่ตอบสนองต่อแสง ตับ ไต ไม่ทำงาน ต้องใช้เครื่องพยุงชีพตลอด 24 ชั่วโมง พล.ต.ต.สนธิชัยเปิดเผยว่ามาให้กำลังใจน้องบอยและครอบครัว พร้อมมอบเงินจำนวนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่าย รวมถึงให้คำปรึกษาและชี้แจงขั้นตอนการดำเนินคดี ขณะนี้ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำแม่น้องบอย จากนั้นจะเรียกผู้ขับรถและครูที่ควบคุมดูแลนักเรียนมาสอบปากคำ จะแจ้งข้อกล่าวหาคือกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายสาหัส หากเด็กเสียชีวิตจะเปลี่ยนข้อหาเป็นกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
...
ต่อมาเวลา 12.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดกระแสข่าวในโลกออนไลน์ระบุว่า น้องบอยได้เสียชีวิตอย่างสงบ จากการตรวจสอบพบว่าครอบครัวและญาติยังคงนั่งเฝ้าและให้กำลังใจน้องบอยอยู่หน้าหออภิบาลผู้ป่วยวิกฤติและวิกฤติเด็ก รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ขณะที่ น.ส.หญิง (นามสมมติ) อายุ 26 ปี แม่น้องบอยเปิดเผยว่า น้องบอยยังไม่เสียชีวิต แต่ยอมรับว่าทีมแพทย์ปลดเครื่องพยุงชีพออกแล้ว มีเพียงให้ยากระตุ้นชีพจรทำให้ยังคงหายใจอยู่ เพื่อรอญาติและย่าเดินทางมาจาก อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี มาดูใจครั้งสุดท้าย เมื่อยากระตุ้นชีพจรหมดฤทธิ์ครอบครัวต้องทำใจ
กระทั่งเวลา 17.00 น. ญาติและย่าน้องบอยเดินทางมาถึง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช พร้อมรีบเข้าไปดูใจน้องบอยจนเวลา 17.20 น. สัญญาณชีพน้องบอยได้ยุติลง แพทย์ยืนยันการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความโศกเศร้า พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องจนถึงที่สุด ส่วนบรรยากาศที่บ้านพักน้องบอย พื้นที่หมู่ 7 บ้านห้วยกลาง ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช บรรดาญาติและประชาชนในพื้นที่ทราบข่าวการเสียชีวิตน้องบอย ช่วยจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับศพน้องบอยและทำพิธีบำเพ็ญกุศล
พ.ต.อ.อาทิตย์ เกิดก่อ ผกก.สภ.พิปูน เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้เรียกนางสุนิษฐา ผูกพานิช หัวหน้าศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดศรีมาราม และ น.ส.วิลัยวรรณ ริยาพันธ์ ครูเวรประจำรถ มาสอบปากคำในเบื้องต้นแล้ว ทั้งคู่รับสารภาพว่าวันเกิดเหตุมีฝนตกรีบให้เด็กลงจากรถโดยไม่ตรวจสอบว่าเด็กลงจากรถหมดหรือไม่ พร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้งนี้พนักงานสอบสวนทราบว่าน้องบอยเสียชีวิตแล้วเตรียมแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพื่อดำเนินคดีกับครูทั้ง 2 คนต่อไป
วันเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำผู้ปกครองและพยานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงชันสูตรพลิกศพตามขั้นตอนของกฎหมายและเรียกผู้ขับขี่รถตู้และครูเวรประจำรถที่ได้นั่งไปด้วยมาดำเนินการแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีความเป็นห่วงเป็นใยถึงความปลอดภัยของเด็กเกี่ยวกับเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว โดยได้มอบนโยบายในการรณรงค์ เพื่อเป็นการป้องกันเหตุ เช่น โครงการ “อย่าลืมหนู ไว้ในรถนะ” พร้อมสร้างการ รับรู้ให้กับสถานศึกษา โรงเรียน ในการฝึกอบรมคนขับรถและครูประจำรถ ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กขณะที่อยู่ในรถเป็นสำคัญ ต้องตรวจนับจำนวนเด็กขึ้น-ลงให้ถี่ถ้วน มีครูผู้ช่วยดูแลเด็กในรถเสมอ ไม่ใช่มีคนขับคนเดียว เมื่อเสร็จภาระก่อนล็อกประตู ดูให้ทั่วรถตอนหน้า ตอนกลาง ตอนหลัง มีเด็กหรือไม่ ทำเป็นแบบแผนปฏิบัติงานจนเป็นนิสัย ไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยอีก