พายุฝนลมแรงถล่มที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ส่งผลให้ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับเสาไฟฟ้าแรงส่งขนาด 115 KV หักขวางถนนเพชรเกษม กฟภ.เร่งเคลื่อนย้ายเสาออก คาดใช้เวลา 2 วันปักเสาใหม่ ยันชาวบ้านมีไฟใช้แน่นอน

จากกรณีเมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 2 ส.ค.63 ที่ผ่านมา ที่บ้านบางหลาโอน หมู่ 7 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ฝนที่ตกหนักตลอดทั้งวัน ทำให้เสาไฟฟ้าที่อยู่บริเวณถนนเพชรเกษม ช่วง อ.ตะกั่วป่า มุ่งหน้าไปภูเก็ต ช่วงทางโค้งที่ กม.800 รอยต่ออำเภอตะกั่วป่า-ท้ายเหมือง ได้เกิดฝนตกหนักและมีลมพัดกระโชกแรง ทำให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ได้ล้มฟาดลงบนเสาไฟฟ้าแรงส่งขนาด 115 KV เป็นสายส่งของการไฟฟ้าภูมิภาค ซึ่งมีความสูงขนาด 22 เมตร จำนวน 3 ต้น และเสาไฟฟ้าขนาดเล็ก ขนาดกำลังส่ง 33 KV ความสูง 12 เมตร จำนวน 3 รวม 6 ต้น ล้มขวางถนนทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ทำการจราจรเป็นอัมพาตกว่า 2 ชั่วโมง

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหลัก กู้ภัยเขาหลัก เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคักเข้าช่วยเหลือพร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนทราบว่าไม่สามารถสัญจรได้จากเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน พร้อมกับให้ประชาชนเปลี่ยนไปใช้เส้นทางบ้านดอกแดง-กะปง แทนเพื่อมุ่งหน้าไปภูเก็ตหรือพังงาได้ จากนั้นทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอตะกั่วป่า ได้เร่งส่งเจ้าหน้าที่พร้อมรถเครนมาเร่งเคลียร์เส้นทางเพื่อเปิดการจราจร โดยการตัดสายไฟและยกเสาไฟฟ้าที่หักโค่นออกจากผิวจราจร ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงในการเคลียร์เส้นทาง ก่อนจะเปิดให้รถสามารถสัญจรได้เป็นปกติ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ส.ค.63 นายกิตติภพ พฤกษนันต์ ผู้จัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อำเภอตะกั่วป่า กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดเสาไฟฟ้าล้มขวางถนน เนื่องจากว่ามีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มฟาดลงบนเสาสายส่งไฟฟ้าแรงสูงล้มลงไป 3 ต้น และเสาขนาดเล็กอีก 3 ต้น รวมเสาไฟฟ้าล้มไปทั้งหมด 6 ต้น ส่วนการซ่อมแซมจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินความเสียหายทั้งหมด คาดว่าจะใช้เวลาในการซ่อมแซมประมาณ 2 วัน ระหว่างนี้ก็จะมีการจ่ายกระแสไฟฟ้าระบบสำรองจากสถานีจ่ายไฟตะกั่วป่าเข้ามา ประชาชนในพื้นที่มีไฟฟ้าใช้อย่างแน่นอนระหว่างเจ้าหน้าที่ทำการซ่อมแซม

...

ขณะที่ทางจังหวัดพังงา ได้ออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังฝนตกหนัก คลื่นลมแรง เนื่องจากลมตะวันตกกำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ทำให้จังหวัดพังงามีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2563 นี้ ประชาชนในพื้นที่ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ ข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง.