ผู้ว่าฯ แจ้งไปยัง ผู้การภูเก็ต ตรวจสอบข้อเท็จจริง จนท.ด่านคัดกรอง รับเงินขอผ่านด่านตรวจ ขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

จากกรณีเมื่อวันที่ 3 พ.ค.63 ที่ผ่านมา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เปิดเผยว่า “มีข่าวกระหึ่มทั่วจังหวัดภูเก็ต ว่าเมื่อเช้ามืดวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ด่านท่าฉัตรไชย ซึ่งเป็นด่านของทหาร ตำรวจจังหวัดภูเก็ต มีการให้รวบรวมเงินเป็นชุดๆ ชุดละ 5,000 บาท โดย 1 ชุด มี 10 คัน รวมได้กว่า 1,000 คน เพื่อแลกกับการผ่านด่านเดินทางไปต่างจังหวัด โดยไม่ผ่านมติของคณะกรรมการ ควบคุมโรคติดต่อของจังหวัด เรื่องนี้มีความพยายามเก็บเงียบ แต่กลับดังกระหึ่ม ตนสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถ้าเป็นจริง การปล่อยคนที่ไม่รู้ว่าเป็นพาหะโควิด-19 กระจายออกไปทั้งประเทศ แบบนี้หากเกิดการระบาดขึ้นมาใหม่ รัฐบาลอาจต้องปิดระบบเศรษฐกิจของประเทศอีก แบบนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบอย่างไร”

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 พ.ค.63 นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในเรื่องดังกล่าวว่า จากกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนว่า มีการต้องจ่ายผลประโยชน์เพื่อแลกกับการเดินทางออกนอกเขตจังหวัดภูเก็ต ในเรื่องดังกล่าวขอเรียนว่า ด่านรอยต่อระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับจังหวัดพังงา หรือที่ทราบกันดีว่าด่านท่าฉัตรไชยนี้ ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.เป็นต้นมา ทางจังหวัดได้ตั้งศูนย์อำนวยการส่วนหน้า โดยมีนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคง เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และมีปลัดอำเภอของอำเภอถลาง เป็นฝ่ายเลขานุการ ปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าด่านคัดกรอง 

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า ต่อมาทางจังหวัดภูเก็ตได้มีนโยบายปิดรอต่อระหว่างตำบล ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.เป็นต้นมา ทางฝ่ายปกครองจึงได้ถอนกำลังจากด่านท่าฉัตรไชย เพราะว่าต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในการปิดรอยต่อระหว่างตำบล ดังนั้นในส่วนของการดูแลพื้นที่ด่านตรวจท่าฉัตรไชย จึงเป็นหน้าที่ของตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดได้มีวิทยุด่วนที่สุด แจ้งไปยัง พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมทั้งขอให้รายงานมายังจังหวัดภายในวันที่ 4 พ.ค. ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง

...

นายภัคพงศ์ กล่าวถึงการดำเนินการที่ด่านตรวจภูเก็ตว่า มีการเตรียมการมาก่อนหน้า ตั้งแต่วันที่ 20 มี.ค. ก่อนสิ้นสุดมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทางจังหวัดได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดและดูจำนวนตัวเลขของพี่น้องที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่ว่ามีจำนวนเท่าใด ซึ่งพบว่ายังมีผู้ที่ตกค้างอยู่ที่ประมาณ 50,000 รายเศษ จึงเริ่มให้ดำเนินการลงทะเบียนออนไลน์ เพื่อที่จะจัดระเบียบในการผ่อนคลายและอำนวยความสะดวกให้พี่น้องในการเดินทาง อย่างไรก็ตามในวันที่มีเหตุชุลมุนบริเวณที่หน้าด่านตรวจนั้นทางจังหวัดต้องกราบขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเป็นที่ทราบว่าทุกครั้งเริ่มตั้งแต่ที่มีการปิดด่าน มาตอนที่เราล็อกดาวน์ในคืนวันที่ 30 มี.ค.63 หรือกระทั้งวันที่ 13 เม.ย.63 ในระยะรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านก็จะมีความไม่สะดวก ขัดข้องเกิดขึ้นอยู่บ้าง แต่ขณะนี้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า ทางจังหวัดมีการเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ว่าในแต่ละวันมีผู้ที่ประสงค์จะเดินทางออกไปเท่าไร และมีการพิมพ์ในเอกสารใบตรวจโรค หรือ FIT TO TRAVEL (หนังสือรับรองการเดินทางข้ามจังหวัด) เพื่อถือไปแสดงที่หน้าด่าน ก่อนทำการตรวจวัดไข้อีกครั้ง ซึ่งขอยืนยันว่ามาตรการของจังหวัดภูเก็ตมีความเข้มข้นมาตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม คือประมาณ 1 เดือนเศษ นอกจากนั้นยังมีการเข้มข้นในการปิดรอยต่อระหว่างตำบลไม่ให้ผู้คนเดินทางข้ามตำบลและมีการคัดกรองวัดไข้ และให้สวมหน้ากากอนามัยเวลาออกนอกเคหสถานทุกราย นั่นแสดงว่าพี่น้องที่อาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ตมีความปลอดภัย

นายภัคพงศ์ กล่าวด้วยว่า อยากจะเรียนว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในภูเก็ตที่เราได้คัดกรองออกทุกท่านมีความปลอดภัย เพราะได้ผ่านการคัดกรองจากทางกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว และขอขอบคุณไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ช่วยอำนวยความสะดวกรับพี่น้องประชาชนกลับไปยังภูมิลำเนา ซึ่งหลายจังหวัดได้ส่งรถมารับ ซึ่งต้องขอขอบพระคุณ เช่น จังหวัดนครพนม อุดรธานี เป็นต้น ที่ได้เตรียมการไว้เป็นอย่างดี ขณะนี้ สถานการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยตามที่มีการจัดระเบียบ.