ผู้ว่าฯสุราษฎร์ฯ ขอความร่วมมือคนที่เดินทางมาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยง "โควิด-19" กักตัวเองที่บ้าน 14 วัน โดยจะมี จนท.-อสม.ไปคอยดูแลวัดไข้ พบหนุ่มทำงานสนามบินกลับมาจากภูเก็ต นำเต็นท์ไปกางนอนในสวนยางรอจนครบ 14 วัน 

เวลา 09.30 น.วันที่ 2 พ.ค. นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี พร้อมคณะเดินทางมายังท่าเทียบเรือโดยสารบริษัทซีทรานต์เฟอร์รี่ ท่าเทียบเรือบ้านหน้าทอน ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีนายสุทธิพงษ์ คล้านอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย รอรับการตรวจเยี่ยมจุดคัดกรองผู้โดยสารที่เดินทางมากับเรือโดยสารเข้ามายัง อ.เกาะสมุย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตั้งจุดคัดกรองวัดอุณหภูมิความร้อนในร่างกาย และตั้งจุดซักประวัติการเดินทางของผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางมายัง อ.เกาะสมุย

นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า กรณีที่มีพี่น้องประชาชนเดินทางมาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยง เช่นเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต ทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้มีการสั่งการให้ นายอำเภอมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กำนันผู้ใหญ่บ้าน ร่วมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทั้ง 19 อำเภอ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เฝ้าติดตามพี่น้องประชาชนที่เดินทางเข้ามา และให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ อสม. จะไปตรวจวัดไข้ผู้ที่เดินทางเข้าจากจังหวัดเสียงถึงที่บ้านทุกวัน

...

ทั้งนี้ ต้องขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยงการแพร่ระบาด ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ และจะต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน หลังครบกำหนดกักตัว 14 วัน ก็จะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวท่านเอง ครอบครัวของท่าน และคนรอบข้าง

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ ผ่านมา 22 วันแล้วที่ จ.สุราษฎร์ธานี ไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น ถือได้ว่าสถานการณ์แพร่ระบาด มีทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ

ด้าน นายธีระพงศ์ ช่วยชู นายอำเภอเกาะสมุย ระบุว่า เมื่อวานนี้มีพี่น้องประชาชน ที่เดินทางมาจากจังหวัดที่มีความเสี่ยง เข้ามาในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จำนวน 35 คนมีซักประวัติอย่างละเอียด และส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบบ้านพักอาศัยทั้ง 35 คน โดยะไปตรวจวัดไข้ทุกวันจนครบ 14 วัน และให้กักตัวอยู่ในบ้าน

ขณะเดียวกันที่ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี นายพูนเกียรติ ธรฤทธิ์ ปลัดอำเภอ ดร.สัมพันธ์ กลิ่นนาค สาธารณสุขอำเภอคีรีรัฐนิคม พร้อมผู้นำท้องที่ เดินทางเข้าตรวจสอบภายในสวนยางพารา ม.5 ต.บ้านทำเนียบ อ.คีรีรัฐนิคม หลังรับแจ้งว่ามีผู้เดินทางจากภูเก็ตกางเต็นท์อยู่ที่บริเวณดังกล่าว

พบเป็นสวนยางพาราที่ห่างไกลเขตชุมชน มีเต็นท์สนามขนาดเล็ก พร้อมผ้าใบกันฝน ซึ่งทราบว่าเป็นของนายจักกฤษณ์ เพชรปานวงษ์ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 201/1 หมู่ที่ 5 ต.บ้านทำเนียบ หลังจากที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ได้กักตัวด้วยการกางเต็นท์ภายในสวนยางพาราของตัวเอง 

นายจักกฤษณ์ เล่าว่า ตัวเองทำงานเป็นพนักงานภาคพื้นอยู่ที่สนามบิน จ.ภูเก็ต นาน 7 ปี แต่ตอนนี้สนามบินปิด เพราะวิกฤติการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จึงเดินทางกลับมาอยู่ที่บ้าน ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 1 พ.ค. ซึ่งก่อนที่จะเดินทางกลับบ้านที่สุราษฎร์ธานีได้กักตัวอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 13-30 เม.ย. เพื่อเตรียมตัวเดินทางออกจากภูเก็ต เพราะทราบดีว่าเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง โดยได้ซื้อเต็นท์และสิ่งของจำเป็นเพื่อที่จะกักตัวเป็นเวลา 14 วันในสวนยางพาราของตัวเอง เป็นการรับผิดชอบสังคม และไม่ออกจากพื้นที่จนกว่าจะครบกำหนด ขอบคุณชาวบ้านในพื้นที่ที่คอยให้กำลังใจ

ทางด้าน ดร.สัมพันธ์ กล่าวว่า ในพื้นที่ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แม้แต่รายเดียว สำหรับเคสนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงได้ทำการกักตัวเองเพื่อรับผิดชอบต่อสังคม ในส่วนของพื้นที่อำเภอคีรีรัฐนิคม มีผู้แจ้งรายชื่อที่จะเดินทางเช้ามาในพื้นที่จำนวน 43 ราย และเข้ามาแล้ว น 10 ราย ซึ่งทุกรายที่เดินทางเข้ามาจะทราบดีว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร และยังมีเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าตรวจสอบทำประวัติ มี  อสม.ค่อยติดตามผลตลอดเวลา 14 วัน จนกว่าจะครบเวลาการกักตัว