อาจารย์และทีมวิจัย คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ พัฒนาเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด เพื่อลดความเสี่ยงแก่แพทย์ พยาบาล ลดจำนวนบุคลากรวัดไข้ แถมราคาแค่ 2,500 บาท ต่อ 1 เครื่อง

จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อและเสียชีวิตกันเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบุคลากรทางการแพทย์ต้องรับศึกหนักเพราะมียอดผู้ป่วยเพิ่มขึ้นทุกวัน ในพื้นที่ภาคใต้โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เป็นหน่วยงานที่ดูแลผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสดังกล่าว และได้เปิดโรงพยาบาลสนามต้นแบบจัดสถานที่เพื่อดูแลพักฟื้นผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการขาลงแห่งแรกในประเทศไทย คือ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 จังหวัดสงขลา และโรงพยาบาลสนามจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นรูปแบบการคัดกรองผู้เข้าออกโรงพยาบาลนั้น ใช้การวัดอุณหภูมิด้วยเครื่องเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟราเรด โดยใช้บุคลากรทางการแพทย์ 1 ท่านยืนประจำตำแหน่ง และใช้เครื่องมือเพื่อวัดอุณหภูมิโดยมีระยะห่าง 2-4 เซนติเมตร ถือว่าเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิตนนท์ บูรณชัย อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ และทีมนักวิจัยความเป็นเลิศด้านการวิเคราะห์สารปริมาณน้อยและไบโอเซนเซอร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เล็งเห็นปัญหาดังกล่าว จึงมีแนวคิดในการพัฒนาเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด โดยทีมวิจัยมีความสามารถในการพัฒนาอุปกรณ์เซนเซอร์ขนาดกะทัดรัดที่สามารถใช้งานนอกสถานที่ได้ ผนวกกับองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีขึ้นรูปสามมิติ ตลอดจนการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มารวมไว้ในอุปกรณ์ขนาดเล็ก สำหรับเครื่องรูปแบบแรก

...


ขั้นตอนการใช้งาน คือ ผู้ที่ต้องการวัดอุณหภูมิสามารถเดินเข้าหาตัวเครื่องด้วยตนเอง โดยทิ้งระยะประมาณ 2-4 เซนติเมตร เพื่อให้เซนเซอร์ของเครื่องทำงานโดยส่งสัญญาณไปยังเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้อินฟราเรด และผู้วัดอุณหภูมิสามารถอ่านค่าอุณหภูมิร่างกายได้ด้วยตัวเอง โดยเครื่องรูปแบบแรกนี้ได้นำไปใช้งานจริงที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์แล้ว และได้ผลการใช้งานออกมาดี ลดจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องมายืนตรวจวัด ต่อมาเมื่อมีการเปิดโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 ซึ่งเป็นโรงพยาบาลสนามจังหวัดสงขลา ณ อาคารติณสูลานนท์ ศูนย์บริบาลผู้สูงอายุ สวนประวัติศาสตร์ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ทีมวิจัยจึงได้โจทย์การพัฒนาเครื่องดังกล่าว


อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่โรงพยาบาลสนามจังหวัดสงขลา อาจารย์นายแพทย์ชนนท์ กองกมล ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แจ้งว่าในสถานการณ์ที่ใช้กันอยู่ในหอผู้ป่วยที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ สาขา 2 ผู้ป่วยจะต้องอยู่ในส่วนที่พักผู้ป่วยโดยเฉพาะฉะนั้นค่าที่อ่านได้จำเป็นต้องปรากฏอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่แพทย์สามารถเข้าถึงได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปดูเครื่องวัด จึงเป็นที่มาของการที่เราจะต้องพัฒนาให้ค่าอุณหภูมิที่วัดได้ถูกส่งผ่านเครื่อข่าย WiFi ไปปรากฏอยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของแพทย์ และประมวลผลร่วมกันกับข้อมูลจากเครื่องมือชนิดอื่น


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชิตนนท์ กล่าวอีกว่า ขอเรียนให้ทราบว่า เครื่องวัดอุณหภูมิที่พัฒนาขึ้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะใช้แทนที่อุปกรณ์ตัวไหนโดยตรง แต่เรามองถึงช่องว่างที่สามารถเติมเต็มได้ และยังมีความต้องการของโรงพยาบาล โดยเฉพราะโรงพยาบาลที่ยังไม่มีความพร้อมทางด้านกำลังเงินและกำลังคนมากนัก เพราะอุปกรณ์ที่ทีมนักวิจัยพัฒนามีราคา 2,500 บาท ต่อ 1 เครื่องเท่านั้น เพราะฉะนั้นราคาไม่เกินเอื้อมสำหรับโรงพยาบาลทั่วๆ ไป เรื่องของกำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หากเราช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เหล่านี้ มีขวัญและกำลังใจที่ดี ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ เขาจะมีแรงและกำลังใจที่จะมาช่วยแก้ปัญหาหรือรักษาโรค

...


อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ กล่าวด้วยว่า การที่ทีมได้คิดพัฒนาในประเด็นนี้เปรียบเสมือนการยิงนกนัดเดียวได้นกสองตัว คือนอกจากช่วยจะช่วยเพิ่มขวัญและกำลังใจช่วยลดความเสี่ยงให้กับบุคลากรที่ประจำจุกคัดกรองแล้ว ยังสามารถทำให้บุคลากรทางการแพทย์ดังกล่าวสารถมีเวลาทำงานอย่างอื่นที่อาจจะสำคัญมากกว่าการคัดกรองคนป่วยหน้าโรงพยาบาลได้ สำหรับผู้สนใจจะร่วมสนับสนุนเครื่องวัดอุณหภูมิระยะไกลด้วยแสงอินฟราเรด เพื่อช่วยเหลือทีมบุคลากรทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลที่ยังขาดแคลน สามารถติดต่อทีมวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่หน่วยวิจัย บัณฑิตศึกษา และบริการวิชาการ โทร. 0-7428-8075 เราเชื่อว่ายังมีอีกหลายโรงพยาบาลที่ต้องการเครื่องมือดีๆ เพื่อช่วยให้ผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกัน.