ชุดพญาเสือแจ้งความจับ “ดีเจภูมิ” พร้อมพวก 7 คน โชว์ล่าปลาในเขตห้ามอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ลงยูทูบ ชี้เป็นการทำผิดกฎหมายตาม พ.ร.บ.อุทยานฯ เพราะพฤติกรรมจงใจมาล่าสัตว์ชัดเจน
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 13 ส.ค.62 นายพนัชกร โพธิบัญฑิต นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือชุดพญาเสือ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ตามนโยบายและข้อสั่งการของ นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้การอำนวยการของ ผอ.ศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ หน.ชุดพญาเสือ และนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ที่ปรึกษาชุดพญาเสือ
เจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับการร้องเรียนตามภาพถ่ายคลิปวิดีโอที่โพสต์ลงในยูทูบ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นการตกปลาใกล้เกาะภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โดยมี นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือ “ดีเจภูมิ” เป็นผู้นำเสนอข้อมูลดังกล่าวลงสื่อออนไลน์ช่องทาง DJPOOM CHANNEL คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบคลิปวิดีโอที่ปรากฏบนสื่อออนไลน์ดังกล่าวแล้วปรากฏพบว่า มีกลุ่มบุคคลจำนวน 7 คน ทั้งหมดโดยสารอยู่บนเรือสปีดโบ๊ต ร่วมกันตกปลาและชำแหละเนื้อปลาที่ได้มาจากการล่า (ตกเบ็ด) บนเรือลำดังกล่าวเพื่อนำมาปรุงเป็นอาหาร ซึ่งคลิปดังกล่าวได้โพสต์ลงในสื่อเว็บไซต์วิดีโอออนไลน์ยูทูบ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2561 แต่ปัจจุบันคลิปดังกล่าวถูกลบออกจากระบบไปแล้วเมื่อปลายเดือน ก.ค.2562 ที่ผ่านมา
...
เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานที่นำมาเปรียบเทียบกับภาพคลิปวิดีโอดังกล่าวโดยละเอียด ได้ปรากฏเห็นทิวทัศน์มีลักษณะเป็นเกาะ โดยแต่ละเกาะมีลักษณะที่เด่นชัดเป็นจุดเด่นเฉพาะตัว บริเวณสถานที่ที่กลุ่มบุคคลจำนวน 7 คนโดยสารอยู่บนเรือสปีดโบ๊ต (speed boat) ร่วมกันตกปลาและชำแหละเนื้อปลาที่ได้มาจากล่า (ตกเบ็ด) นั้น อยู่ในบริเวณเกาะแรด เกาะกะโหลก เกาะหลักง่าม และเกาะละวะ ซึ่งทั้ง 4 เกาะอยู่ภายในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร พื้นที่ตำบลปากน้ำชุมพร
จากการตรวจสอบบุคคลที่ปรากฏในคลิปพบว่า มีด้วยกันทั้งหมด 7 คน ปรากฏพบชื่อ นามสกุล และรูปพรรณสัณฐานตลอดจนเครื่องแต่งกายพอจำแนกได้ดังต่อไปนี้ 1.นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือ “ดีเจภูมิ” 2.นายณฐกร แจ้งเร็ว หรือ “เชฟตั้ม” 3.ไต๋เรือชื่อนายตู่ (ไม่ทราบชื่อจริง) 4.นายโจ้ (ไม่ทราบชื่อจริง) 5.ชายเสื้อดำโพกผ้าที่หัวสีขาว (ไม่ทราบชื่อจริง) 6.หญิงสวมเสื้อแขนยาวลายชมพู–ขาว (ไม่ทราบชื่อจริง) 7.ช่างภาพผู้ถ่ายวิดีโอ (ไม่ทราบชื่อ)
เรือที่คณะของ นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือ “ดีเจภูมิ” โดยสารไปตกปลานั้น ชื่อเรือ ท.ธนิท เลขที่ทะเบียนเรือ 584306506 โดยมี นายชลธร์พงษ์ อนันตโยธิน ที่อยู่ 38/249 หมู่ที่ 7 ตำบลบึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เป็นเจ้าของเรือ มีไต๋เรือชื่อนายตู่ เป็นคนขับเรือนำคณะทั้งหมดโดยสารมาตกปลาตามที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ได้จัดทำทุ่นแสดงแนวเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพรไว้รอบเกาะอย่างชัดเจนแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มบุคคลดังกล่าวจะอ้างว่าไม่ทราบแนวเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร พฤติกรรมของ นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือ “ดีเจภูมิ” กับพวกเป็นพฤติกรรมที่มีเจตนาเข้ามาล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติ
ดังนั้นถือเป็นการกระทำความผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 ฐานความผิด ดังนี้ 1.ฐานเก็บหา นำออกไป ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายซึ่งทรัพยากรธรรมชาติอื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ความผิดตามมาตรา 16 (2) และมาตรา 24 2.นำสัตว์ออกไป หรือทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ความผิดตามมาตรา 16 (3) และมาตรา 24 3.ฐานนำยานพาหนะเข้าออกหรือขับขี่ยานพาหนะในทางที่มิได้จัดไว้เพื่อการนั้น เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ความผิดตามมาตรา 16 (9) และมาตรา 25 4.นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์ หรืออาวุธใดๆ เข้าไป เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 (15) และมาตรา 27 5.ฐานบุคคลซึ่งเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้สั่งให้ปฏิบัติตามระเบียบที่อธิบดีกำหนด โดยอนุมัติของรัฐมนตรี และตามมาตรา 18 และมาตรา 25
...
นายพนัชกร โพธิบัญฑิต นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ เจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ กล่าวว่า ดังนั้นหลังจากลงพ้นที่ตรวจสอบพื้นที่ในทะเลตามภาพที่ปรากฏในคลิปวิดีโอแล้ว จึงได้จัดทำบันทึกตรวจสอบพร้อมแจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสืบสวนสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร จังหวัดชุมพร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อติดตามตัว นายภูมิใจ ตั้งสง่า หรือดีเจภูมิ และพวกที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันกระทำผิด หรือให้การสนับสนุนการกระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.