กรมทรัพยากรทางทะเลฯ เกาะติดช่วยเหลือ "สัตว์ทะเลหายาก" เกยตื้น วาง 3 แนวทางยื้อชีวิต "มาเรียม" หลังอาการทรงตัว จากภาวะหัวใจหยุดเต้น เพราะช็อกถูกพะยูนตัวผู้ไล่ เศร้า "โฮป" ลูกวาฬหัวทุย ตายแล้ว

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ “มาเรียม” พะยูนน้อยหลงฝูง จนเกิดกระแสการอนุรักษ์พะยูน สัตว์ทะเล รวมถึงทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในหมู่คนไทยอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันได้ช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น พะยูนหลงฝูง “ยามีล”, เต่าทะเลบาดเจ็บ และ “โฮป” ลูกวาฬหัวทุยแคระ ซึ่งถูกพบเกยตื้นชายหาดบ้านในไร่ ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา โดยที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต ติดตามสถานการณ์สัตว์ทะเลหายาก และความคืบหน้าการฟื้นฟูสัตว์ทะเลที่ได้รับความช่วยเหลือ


สำหรับลูกพะยูน “มาเรียม” อายุประมาณ 6 เดือน-1 ปี ถูกพบพลัดหลงจากแม่มาเกยตื้นในพื้นที่ ต.คลองม่วง อ.เมือง จ.กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย. 2562 ได้รับการดูแลบริเวณแหล่งหญ้าทะเล ใกล้เขาบาตูปูเต๊ะ ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งล่าสุดมาเรียมถูกพะยูนตัวผู้ไล่บริเวณแหลมปันหยังในช่วงน้ำลง และอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ ทำให้มาเรียมเกิดอาการตกใจจนตัวสั่น หรือช็อก จนไม่กินนม และกินหญ้าได้เล็กน้อย กระทั่งเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น เมื่อคืนวันที่ 10 ส.ค. สัตวแพทย์ต้องฉีดยากระตุ้นหัวใจ ทำให้อาการมาเรียมอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

...

นอกจากนี้รัฐมนตรีว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งให้ระดมทีมสัตวแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลมาเรียมอย่างใกล้ชิด ซึ่งขณะนี้มาเรียมมีอาการทรงตัวแล้ว ส่วนแนวทางดูแลมาเรียมมี 3 แนวทาง 1.นำไปดูแลยังบ่อชั่วคราว แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดนั้นได้ เนื่องจากจะต้องดูแลให้อาการคงที่มากที่สุดแล้วค่อยเคลื่อนย้าย 2.หากอาการยังไม่ดีขึ้นจะทำการย้ายไปยังวิทยาลัยราชมงคลใน จ.ตรัง และ 3.ย้ายไปศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน ที่เป็นบ่อใหญ่และมีความพร้อม

“ยามีล” อายุประมาณ 3 เดือน พลัดหลงจากแม่ มาเกยตื้นทะเลกระบี่ เมื่อ 1 ก.ค.
“ยามีล” อายุประมาณ 3 เดือน พลัดหลงจากแม่ มาเกยตื้นทะเลกระบี่ เมื่อ 1 ก.ค.

ขณะที่ลูกพะยูน “ยามีล” อายุประมาณ 3 เดือน ถูกพบพลัดหลงจากแม่มาเกยตื้นบริเวณบ้านบ่อม่วง ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2562 ในสภาพอ่อนแรงและมีรอยแผลฉกรรจ์ตามร่างกายกว่า 50% จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทำให้ไม่สามารถส่งไปอนุบาลในพื้นที่เปิดได้เหมือนกรณีของ “มาเรียม” โดยเจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้าย “ยามีล” มาดูแลที่บ่อเลี้ยงในระบบปิดของศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต

ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ดูแลทั้งด้านโภชนาการด้วยการให้นม อาหารเสริม และหญ้าทะเลในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งมีรักษาบาดแผลและตรวจวัดสุขภาพ เช่น อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ การทำงานของทางเดินอาหาร และการขับถ่าย โดยปัจจุบันพบว่าสุขภาพทั่วไปแข็งแรงขึ้น ความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในระดับปกติ รอยด่างขาวบนร่างกายซึ่งเกิดจากภาวะความเครียดลดลง การขับถ่ายและการหายใจปกติ สามารถว่ายน้ำได้ดี อย่างไรก็ตามยังคงต้องได้รับการดูแลและสังเกตการณ์ในระบบปิดต่อไปอีกระยะ ก่อนพิจารณาแนวทางการฟื้นฟูในลำดับต่อไป


ส่วนกรณีลูกวาฬหัวทุยแคระ “โฮป” เจ้าหน้าที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือเมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2562 หลังได้รับแจ้งพบวาฬหัวทุย 2 ตัวมาเกยตื้นบริเวณชายหาดบ้านในไร่ จึงเข้าให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อไปถึงพบว่าเสียชีวิตไปแล้ว 1 ตัว เป็นวาฬเพศเมียความยาว 2.40 เมตร หนัก 150 กก. ส่วน”โฮป” คาดว่าเป็นลูกของตัวที่เสียชีวิต เป็นวาฬเพศผู้ความยาว 110 ซม. หนัก 15 กก. ได้เคลื่อนย้ายมาอนุบาลที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต

เบื้องต้นพบว่า “โฮป” อยู่ในสภาพร่างกายที่อ่อนแรงมาก ความสมบูรณ์ของร่างกายอยู่ในระดับที่ถือว่าผอมกว่าปกติ พบรอยแผลถลอกที่เกิดจากการเกยตื้นหลายแห่งบริเวณส่วนหัวและลำตัว ไม่พบการอุจจาระ แต่ยังสามารถปัสสาวะได้ตามปกติ ซึ่งได้ให้นมทดแทนในปริมาณความเข้มข้น 25% พร้อมทั้งให้วิตามินและอาหารเสริมพลังงาน รวมทั้งมีการให้ยารักษาตามอาการ เช่น การให้ยาปฏิชีวนะรักษาอาการอักเสบ ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน และการแก้ภาวะขาดน้ำ โดยต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด

...

ล่าสุดเฟซบุ๊กกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โพสต์ภาพและข้อความระบุว่า "โฮป" ลูกวาฬหัวทุยแคระ เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 23.23 น. คืนที่ผ่านมา (12 ส.ค.) หลังจากทีมสัตวแพทย์เฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และพยายามยื้อชีวิตมาอย่างต่อเนื่องตลอด 9 วันเต็ม.