แฉปมมรณะ ร.ต.อ.ยิงตัวตายสยองคาบ้าน สังเวยโผโยกย้ายไม่เป็นธรรม เครียดจัดมานานกว่า 3 เดือน หลังถูก เปลี่ยนจากงานปราบปรามที่ทำมาตั้งแต่ชั้นประทวนไปอยู่งานสอบสวนที่ไม่เคยทำมาก่อน เจ้าตัวร่ายบันทึกความในใจตีแผ่อัปยศวงการสีกากีวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งจนตำรวจนํ้าดีไม่มีที่ยืน เมียฉะผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติหลับหูหลับตาสั่งย้ายไม่ดูความสามารถ ออกคำสั่งโยกย้ายกลายเป็นคำสั่งตายทำลายครอบครัว ผบก.ภ.จ.ชุมพร ยันการโยกย้ายเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของ ตร. เรียนจบกฎหมายต้องเกลี่ยไปอยู่งานสอบสวน ที่ขาดแคลนบุคลากร ผบ.ตร.กำชับนโยบายโยกย้ายสายงานต้องตรงตามความรู้ความสามารถ

จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญวงการสีกากี กรณี ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ อายุ 48 ปี รอง สว. (สอบสวน) สภ.มาบอำมฤต อ.ปะทิว จ.ชุมพร ใช้ปืน 9 มม. ยิงตัวตายคาห้องนอนในบ้านเลขที่ 119 ถนนเทศบาลซอย 6 หมู่ 12 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว เมื่อตอนค่ำวันที่ 26 มิ.ย. เบื้องต้นคาดปมเหตุจากเรื่องงานที่ถูกคำสั่งโยกย้ายจากตำแหน่งรอง สวป. ไปเป็นพนักงานสอบสวน เป็นตำแหน่งงานที่ไม่มีความถนัด ทำให้เกิดความเครียดจัดตัดสินใจยิงตัวตาย

ความคืบหน้าการสอบสวนหาชนวนเหตุสลดใจเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชันสูตรพลิกศพผู้ตายแล้ว ตำรวจตรวจค้นในห้องนอน พบสมุดบันทึกที่ผู้ตายเขียนระบายความในใจไว้ 3 หน้ากระดาษ ระบุถึงสาเหตุที่ยิงตัวตายมาจากคำสั่งที่ถูกย้ายจากงานสายป้องกันและปราบปรามไปอยู่ในตำแหน่งงานสอบสวนอย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม และความอัปยศต่างๆนานาในแวดวงสีกากีที่มีการวิ่งเต้นโยกย้ายตำแหน่งจนตำรวจดีๆ ต้องหมดหวัง หมดกำลังใจ ตำรวจเก็บสมุดบันทึกดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน พร้อมนำศพส่งชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง

...

สอบสวนทราบว่า ที่บ้านเกิดเหตุ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ผู้ตายอาศัยอยู่กับภรรยาและลูก 2 คน ก่อนเกิดเหตุออกเวรกลับจาก สภ.มาบอำมฤต มาถึงบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเข้าไปเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียวในห้องนอน ชั้นบน ปิดไฟมืดสนิท ขณะที่ลูกสาวคนโต อายุ 14 ปี นั่งทำการบ้านอยู่ชั้นล่าง ส่วนภรรยาและลูกชายวัย 9 ขวบ เดินไปทำธุระบ้านพี่ชาย อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร จากนั้นมีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่เสียงไม่ดังมากนัก ลูกสาวเข้าใจว่าเป็นเสียงท่อรถ จยย. แต่ต่อมาเอะใจว่าทำไมพ่อปิดไฟในห้องนอน และบนชั้น 2 มืดสนิท จึงโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้รีบกลับบ้านมาดูพ่อ เมื่อเปิดประตูห้องนอนเข้าไป พบว่า ร.ต.อ.พิเชษฐ์ใช้หมอนปิดศีรษะเพื่อเก็บเสียง แล้วใช้ปืนจ่อยิงขมับฆ่าตัวตายแล้ว

นางแอนนา สินธุนนท์ อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตายอยู่ในอาการโศกเศร้า กล่าวด้วยความขุ่นเคืองเสียงดังต่อหน้า พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ สุวรรณฤทธิ์ รอง ผบก.ภ.จ.ชุมพร ที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ ถึงปมเหตุที่สามี ยิงตัวตายว่ามาจากความเครียด ในช่วง 3-4 เดือน

ที่ผ่านมา หลังมีคำสั่งย้ายจากตำแหน่งรอง สวป. ไปอยู่ตำแหน่งรอง สว. (สอบสวน) เป็นการย้ายจากงานถนัดไปอยู่งานที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยสอบถาม ความสมัครใจใดๆทั้งสิ้น คิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหน ก็ย้าย ทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ ตนขอตัดขาดจากวงการตำรวจอย่างเด็ดขาดจะไม่ขอเกี่ยวข้อง ใดๆทั้งสิ้นอีกต่อไป ขณะที่ พ.ต.อ.เสกสิทธิ์ยืนฟังด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมพูดปลอบใจและให้กำลังใจแก่นางแอนนา

ภรรยาผู้สูญเสียกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า ปกติสามีเป็นคนรักครอบครัว สนุกสนานร่าเริง อัธยาศัยดี เพื่อนร่วมงานและชาวบ้านรัก แต่หลังจากมีคำสั่งย้ายเมื่อช่วงกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา สามีกลายเป็นคนเครียด เก็บกดเก็บตัวไม่สุงสิงกับใคร เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ค่อยกินอาหารจนซูบผอม มักจะพูดจาตัดพ้อกับตนและเพื่อนๆทุกวันเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกปรับย้ายไปว่าเป็นงานที่ไม่ถนัด ไม่เคยทำงานสอบสวนมาก่อน “ขอฝากถามไปถึงระดับผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า การโยกย้ายตำรวจแต่ละครั้งคิดจะย้ายใครไปอยู่ตรงไหนก็ได้ใช่ไหม

ไม่ต้องสอบถามผู้ที่ถูกย้ายว่ามีความสามารถทำงานด้านใดได้บ้าง เคยรู้ปัญหาเหล่านี้ไหม ไม่ใช่คิดแต่ จะหาผลประโยชน์วิ่งเต้นตำแหน่งกัน คำสั่งโยกย้ายครั้งนี้กลายเป็นคำสั่งตายทำลายครอบครัว ลูกๆทั้ง 2 คนต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ขาดเสาหลัก ของครอบครัว เป็นเพราะคำสั่งดังกล่าวทำให้เกิด เหตุการณ์นี้ขึ้น” นางแอนนากล่าวด้วยความอัดอั้น

ที่ สภ.มาบอำมฤต ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 27 มิ.ย. บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของเพื่อนตำรวจ ที่ต้องสูญเสียนายตำรวจน้ำดีของโรงพักไปจากการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ที่ห้องทำงานของ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ยังมีโน้ตบุ๊กที่เพิ่งซื้อมาใหม่เพื่อฝึกพิมพ์เอกสารงานสอบสวนตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน ขณะที่ พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปะชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร เดินทางมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา พร้อมเรียกนายตำรวจระดับรอง สว. และ สว.สอบสวน มาสอบถามถึงปัญหาในการทำงาน จากนั้นเรียก พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.มาบอำมฤต เข้าไปพูดคุยในห้องทำงาน

พล.ต.ต.สหรัฐกล่าวว่า การโยกย้ายตำแหน่งที่ผ่านมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจาก ร.ต.อ.พิเชษฐ์มีคุณสมบัติจบนิติศาสตร์ มีความรู้ด้านกฎหมายจึงถูกเกลี่ยไปอยู่ตำแหน่งงานสอบสวนที่ขาดแคลนบุคลากรด้านนี้ หลังมีคำสั่งออกมา พ.ต.อ.ฉลาด ผู้บังคับบัญชาพยายามพูดคุยทำความเข้าใจกับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ และยังไม่ได้มอบหมายงานให้ทำเนื่องจากเห็นว่ายังเครียดอยู่ จนมาเกิดเหตุการณ์สลดขึ้น สำหรับการโยกย้ายที่ผ่านมา ตำรวจภูธรจังหวัดชุมพรได้ส่งรายชื่อนายตำรวจที่จบนิติศาสตร์ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามที่มีการให้สำรวจ จึงมีการไกล่เกลี่ยโยกย้ายไปอยู่ฝ่ายสอบสวน ไม่มีการวิ่งเต้นแต่อย่างใด ส่วนที่มีข่าวว่าผู้ตายเขียนบันทึกลาตายไว้ 3 หน้ากระดาษนั้น ความจริงเป็นการเขียนไดอารีประจำวันเท่านั้น มีข้อความบ่นบ้างว่าตั้งแต่ย้ายมาอยู่ฝ่ายสอบสวนดวงไม่ดีเลย ไม่ได้เขียนลาตาย แต่อย่างใด

...

จากนั้น ผบก.ภ.จ.ชุมพร ไปเป็นประธานพิธีรดน้ำศพ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ ที่ศาลาอัมรินทรานุสรณ์ ในตลาดมาบอำมฤต มีนางสมพงษ์ สุชาติพงษ์ อายุ 73 ปี แม่ของผู้ตาย พร้อมด้วยนางแอนนา สินธุนนท์ อายุ 44 ปี ภรรยา และลูกทั้ง 2 คน รวมทั้งญาติๆ ให้การต้อนรับ ท่ามกลางเพื่อนตำรวจและชาวบ้านที่มาร่วมพิธีจำนวนมาก ภรรยาผู้ตายยังยืนยันเหมือนเดิมว่าสามีฆ่าตัวตายมาจากสาเหตุเดียวคือการโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม ไม่เคยสอบถามว่าตำแหน่งที่ย้ายไปจะทำได้หรือไม่ ย้ายแบบยัดเยียดวิ่งเต้นกันไม่คำนึงถึงความรู้สึกของผู้ใต้บังคับบัญชา

นายพงษธร ทองเหลือ กำนันตำบลดอนยาง และประธาน กต.ตร.สภ.มาบอำมฤต เผยว่า สนิทกับผู้ตายมาก ปกติเป็นคนร่าเริงสนุกสนานไม่สูบบุหรี่ไม่ดื่มเหล้า รักครอบครัว ถ้าไม่เป็นตำรวจก็อยู่อย่างสุขสบาย เพราะภรรยามีที่ดินสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมันหลายร้อยไร่ แต่ด้วยความรักในอาชีพตำรวจ รับราชการมาตั้งแต่ชั้นประทวนจนสอบได้เป็นนายตำรวจสัญญาบัตร อยู่ในสายป้องกันปราบปรามมาตลอด พอมีคำสั่งโยกย้ายไปฝ่ายสอบสวนก็มีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่สุงสิงกับใคร เก็บตัวมาตลอดช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ตนพยายามปลอบใจมาตลอด ก่อนจะยิงตัวตาย ร.ต.อ.พิเชษฐ์ปรับทุกข์ว่า ไม่สามารถทำงานสอบสวนได้เนื่องจากมีอายุมากแล้วไม่ถนัดงานด้านนี้ พยายามโทรศัพท์พูดคุยกันจนไม่ได้หลับนอนถึง 3 วัน 3 คืน ผู้ตายบอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันแล้วโยกย้ายยัดเยียดตนไปอยู่งานสอบสวนโดยไม่สอบถามแม้แต่คำเดียว

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ ยิงตัวตายว่า รู้สึกเสียใจที่สูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชา เบื้องต้นขอไปตรวจดูเรื่องคุณสมบัติ คุณวุฒิ ของ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ก่อน ถ้าไม่จบเกี่ยวกับกฎหมาย หรืองานสอบสวน แต่ถูกย้ายไปก็ต้องให้ความเป็นธรรม ต่อไปต้องกำชับให้นโยบาย หากจะมีการโยกย้ายสายงานต้องตรงตามที่มีวิชาความรู้ความสามารถ ใครที่ผ่านสายงานปราบปรามต้องให้ไปตรงสายงานนั้น ไม่ใช่ย้ายไปสายที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่มีความถนัด

...

สำหรับ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ จบโรงเรียนพลตำรวจภาค 8 รุ่น 10 เมื่อครั้งยศ จ.ส.ต.ตำแหน่ง ผบ.หมู่ ป.สภ.มาบอำมฤต เรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เมื่อปี 2554 ไปสอบได้เป็นนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร ทำงานด้านป้องกันและปราบปรามมาตลอด กระทั่งติดยศ ร.ต.อ.ตำแหน่ง รอง สวป. จนมาถูกคำสั่งย้ายไปเป็น รอง สว. (สอบสวน) ตามคำสั่ง ตร.ที่ 127/2562-139/2562 จำนวน 6,239 ตำแหน่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยคำสั่งเดียวกัน พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.มาบอำมฤต ก็ถูกโยกย้ายไปเป็น ผกก.สภ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ซึ่งเป็นโรงพักชายขอบ ต่อมา ผบช.ภ.8 ทำเรื่องแย้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เหตุผลว่า พ.ต.อ.ฉลาดในฐานะหัวหน้าด่านตรวจความมั่นคงประตูภาคใต้บ้านพละ อ.ปะทิว มีผลงานปราบปรามจับกุมยาเสพติดอันดับ 1 ของภาคใต้หลายปีซ้อน จนมีการเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ พ.ต.อ.ฉลาดกลับมาเป็น ผกก.สภ.มาบอำมฤต ภายในวันเดียวกัน