(ภาพ) สภาพ อ่าวมาหยา จ.กระบี่ ในอดีตคลาคล่ำไปด้วยเรือท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยวแน่นหาดทำให้สภาพธรรมชาติเสื่อมโทรม จน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ต้องปิดอ่าวเพื่อฟื้นฟู.
นักท่องเที่ยวหลายคนต่างใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องเดินทางไปเที่ยวชมความงามของ “อ่าวมาหยา” กลางทะเลอันดามัน เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา–หมู่เกาะพีพี ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ให้ได้
อ่าวมาหยา มีชื่อเสียงโด่งดังมาจากภาพยนตร์เรื่อง เดอะบีช (The Beach) ที่ออกฉายเมื่อปี 2000 กลายเป็นที่รู้จัก และเป็นจุดหมายปลายทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ผลดีที่ ชาวกระบี่ และ ชาวไทย ได้รับจากอ่าวมาหยา นั่นคือ“เม็ดเงิน” จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาลในแต่ละปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซัน
...
ในอดีตแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้าไปพื้นที่ตรงนี้มากกว่า 4,000-5,000 คน ช่วงพีกสุดอาจจะมากถึง 7,000 คน เรือนำเที่ยวมากกว่า200 ลำต่อวัน
เกินขีดความสามารถที่ธรรมชาติจะรับได้!
เมื่อนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาโดยไร้การควบคุม ส่งผลให้ระบบนิเวศใน อ่าวมาหยา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เริ่มเสื่อมสภาพ ทรุดโทรม บางส่วนพังเสียหายจนยากจะฟื้นฟู
แนวปะการังใต้ทะเล ถูกเหยียบย่ำทำลายจนไม่เหลือสภาพของความสวยงาม สัตว์น้ำ สัตว์ทะเลที่เคยอาศัยหากินพากันอพยพหนีหายออกไปจากพื้นที่แห่งนี้
ผลพวงจากที่ผ่านมาแทบทุกตารางนิ้วจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก บางช่วงเวลาแทบเหยียบกันตาย เพราะไม่มีที่จะเดิน ธรรมชาติไม่มีแม้แต่เวลาที่จะเยียวยาตัวเอง
ทั้งหมดนี้เกิดจากการบริหารจัดการพื้นที่ที่ผิดพลาดมาโดยตลอด!
หน่วยงานที่รับผิดชอบ ในการดูแลพื้นที่ และ ผู้ประกอบการ ต่างคาดหวังเพียงเม็ดเงินที่ไหลเข้ามาจนทำให้หลงลืมตัว ลืมคิดไปถึงผลกระทบที่ธรรมชาติกำลังถูกกระทำ ลืมคิดไปถึงความสวยงามดั้งเดิมที่ อ่าวมาหยา เคยมี ไม่มองถึงอนาคตว่าสิ่งเหล่านี้จะอยู่ยั้งคงสภาพไปถึงรุ่นลูก รุ่นหลานหรือไม่
...
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2561กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หน่วยงานที่ควบคุมดูแลพื้นที่โดยตรง ประเมินสภาพพื้นที่แล้วพบว่าหากยังเปิดให้มีการเข้าเที่ยวชมอ่าวมาหยาเหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมา อาจจะทำให้พื้นที่แห่งนี้เสียหายย่อยยับ ยากจะฟื้นฟูกลับมาให้เหมือนเดิมได้
กรมอุทยานฯ จึงประกาศสั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่อ่าวมาหยาอย่างไม่มีกำหนด เพื่อให้เจ้าหน้าที่ และ กลุ่มอนุรักษ์ เข้าไปดำเนินการฟื้นฟูสภาพธรรมชาติของพื้นที่กลับคืนมา ท่ามกลางเสียงคัดค้านต่อต้านจาก กลุ่มผู้ประกอบการ ในพื้นที่
พร้อมกันนี้ กรมอุทยานฯ ยังได้เปิด แผนการท่องเที่ยวอ่าวมาหยาในอนาคต จัดทำเส้นทางเข้าเที่ยวชมใหม่ โดยให้นำเรือจอดส่งนักท่องเที่ยวบริเวณด้านหลังอ่าวมาหยาคือ อ่าวโละซามะ แล้วเดินเท้าเข้ามา แทนการนำเรือเข้ามาจอดในอ่าว
มาหยาเหมือนในอดีต
...
ทำให้เสียงต่อต้านเริ่มเบาบางลง และเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่เข้าไปฟื้นฟูพื้นที่ทันที ผ่านมาจนถึงวันนี้อ่าวมาหยาปิดตัวฟื้นฟูมานานกว่า 10 เดือนแล้ว
จากการสำรวจพบว่า การปิดอ่าวตลอด10เดือนที่ผ่านมา ธรรมชาติใต้ทะเล โดยเฉพาะปะการังมีการฟื้นตัวดี และพืชพันธุ์บนฝั่ง ผักบุ้งทะเลเริ่มฟื้นตัว
...
อีกทั้งยังพบว่ามีสัตว์ทะเลหลายชนิดกลับมาหากินบริเวณอ่าวมาหยามากขึ้น เช่น ปูลม ฉลามหูดำ ถือเป็นตัวชี้วัดระบบนิเวศทั้งบนบก และใต้ทะเลได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะ กิ่งปะการัง ที่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 3 จ.ตรัง และอาสาสมัครกลุ่มต่างๆร่วมกันฟื้นฟู นำลงไปปลูกจำนวน 23,000 ชิ้น พบมีการแตกหน่อมีการเจริญเติบโตดี
นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า หลังจากปิดฟื้นฟูอ่าวมาหยาพบว่า ระบบนิเวศใต้ทะเล โดยเฉพาะปะการังมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังพบฝูงฉลามหูดำกลับเข้ามาหากิน และขยายพันธุ์ในบริเวณอ่าวมาหยา
“ส่วนกำหนดเวลาว่าจะปิดยาวนานแค่ไหนนั้น ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ก่อนหน้านี้มีสื่อนำเสนอข่าวในทำนองว่าจะปิด 4-5 ปีนั้นขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง การจะกำหนดระยะเวลา ไม่สามารถทำได้ ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งการประเมินจากชุดทำงาน รวมถึงศึกษาข้อมูลทางวิชาการอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะต้องการให้อ่าวมาหยาเป็นสมบัติคู่แผ่นดินไปจนชั่วลูกชั่วหลาน จึงต้องช่วยกัน” นายวรพจน์ กล่าว
การปิดอ่าวมาหยาแม้จะต้องแลกด้วยการสูญเสียเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวไปบางส่วนแต่หากเราสามารถแลกคืนความสวยงามของอ่าวมาหยาในอดีตกลับมาได้ มันก็คุ้มค่า
เพราะนี่คือสมบัติของคนไทยทั้งชาติไม่ใช่สินค้าที่จะขายเพื่อหวังกำไรเพียงอย่างเดียว!
วิสุทธิ์ รองพล