สุราษฎร์-นครฯ ระวังนํ้าป่าถล่ม

พายุโซนร้อน “ปาบึก” สิ้นฤทธิ์ อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันก่อนเคลื่อนตัวลงทะเลอันดามันแล้ว ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้เบื้องหลัง เมืองคอนอ่วมหนักสุดพังราบทั้ง 16 อำเภอ บ้านเรือนสิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ เสาไฟฟ้าโค่นล้ม น้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง เจ้าหน้าที่ระดมกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือด่วน ขณะที่ผู้อพยพเริ่มทยอยกลับบ้าน อุตุฯเตือน 2 จังหวัด “สุราษฎร์-นครศรี” เฝ้าระวังอีก 2 วันยังไม่พ้นอันตรายจากน้ำป่า ชาวประมงงดออกเดินเรือ ไปถึง 8 ม.ค. หางพายุตวัดไปถึงภาคกลางและชายทะเลภาคตะวันออก คลื่นทะเลซัดบ้านเรือนร้านค้าริมชายหาดพังยับ นายกฯขอให้ประชาชนอย่าประมาท ถ้ายังอันตรายให้อยู่ศูนย์อพยพไปก่อน พร้อมสั่ง มท.-พม.-จังหวัด เร่งเยียวยาชาวบ้านผู้ประสบภัย

อิทธิพลของพายุโซนร้อน “ปาบึก” (PABUK) ที่เคลื่อนตัวจากอ่าวไทยขึ้นฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเที่ยงเศษวันที่ 4 ม.ค. สร้างความเสียหายให้หลายพื้นที่ในจังหวัดภาคใต้ ความรุนแรงของพายุซัดถล่มต้นไม้หักโค่น เสาไฟฟ้าล้มระเนนระนาด เกิดน้ำท่วมฉับพลัน บ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรพังเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ถึงแม้ว่าทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนเตรียมความพร้อมรับมือกับภัยพิบัติอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะการอพยพผู้คนในพื้นที่เสี่ยงออกไปยังที่ปลอดภัย รวมทั้งแจ้งเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้น แต่ไม่วายเกิดความสูญเสียมีผู้สังเวยชีวิตแล้วหลายศพทั้งจากอุบัติเหตุทางถนน ต้นไม้โค่นทับบ้าน และเรือประมงล่ม

“ปาบึก” อ่อนกำลังเป็นดีเปรสชัน

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาตลอดช่วงคืนวันที่ 4 ถึงเช้าวันที่ 5 ม.ค.ว่า หลังจากพายุโซนร้อนปาบึกขึ้นฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้วได้เคลื่อนตัวเข้าพื้นที่ จ.กระบี่ และ จ.พังงา ก่อนจะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 ม.ค. นายภูเวียง ประคำมินทร์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาแถลงว่า พายุโซนร้อนปาบึกได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันแล้วเมื่อเวลา 07.00 น.ของวันนี้ (5 ม.ค.) มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณ อ.ทับปุด จ.พังงา หรือที่ละติจูด 8.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กม.ต่อชั่วโมง

...

เคลื่อนตัวลงทะเลอันดามันแล้ว

อธิบดีกรมอุตุฯ แถลงต่อไปว่า พายุได้เคลื่อนลงทะเลอันดามันแล้วเมื่อเวลา 09.00 น. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็ว 10 กม.ต่อชั่วโมง มุ่งหน้าไปทางหมู่เกาะ อันดามันและนิโคบาร์ และอ่าวเบงกอล ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม พายุดีเปรสชันปาบึกยังมีอิทธิพลทำให้มีฝนตกในหลายพื้นที่ในภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมกระโชกแรงบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ จะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน ขอให้ประชาชนระวังอันตราย อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนภาคกลางได้รับผลกระทบปลายหางพายุปาบึก จะมีฝนตกบางพื้นที่ จ.ราชบุรี นครปฐม สมุทรปราการ กรุงเทพฯ รวมถึงภาคตะวันออกใน จ.ชลบุรี ตราด จันทบุรี จะมีคลื่นลมแรง

งดออกเดินเรือไปถึงวันที่ 8 ม.ค.

นายภูเวียงกล่าวว่า สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 3-5 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 5 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ชายฝั่งภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งทะเลอันดามันระวังอันตรายจากลมแรงและคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรงดการเดินเรือต่อไปอีกจนถึงวันที่ 8 ม.ค. ซึ่งจากการคำนวณ ทางอุตุนิยมวิทยาคาดว่า พายุดีเปรสชันปาบึกจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและสลายตัวก่อนขึ้นฝั่งประเทศอินเดียหลังวันที่ 8 ม.ค.ไปแล้ว

เส้นทางเคลื่อนตัวพายุปาบึก

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยาสรุปภาพรวมสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกว่า นับตั้งแต่เข้าฝั่งที่ จ.นครศรีธรรมราช มีการเคลื่อนตัวสลับช้าและเร็ว 10-20 กม.ต่อ ชม. เมื่อเข้า อ.ท่าช้าง พายุหยุดแช่ไม่เคลื่อนที่นานกว่า 4-5 ชม. ทำให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับผลกระทบมากที่สุด จนกระทั่งเวลา 01.00 น.วันที่ 5 ม.ค.พายุเคลื่อนไปยัง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ในเวลา 07.00 น. เข้า จ.พังงา และอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในเวลา 09.00 น. เคลื่อนตัวออกทะเล อันดามัน แม้ว่าพายุปาบึกจะออกจากประเทศไทยไปแล้ว แต่พื้นที่ที่พายุพัดผ่านโดยตรงยังไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้รับผลกระทบมากสุด ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาที่มีน้ำตกค้างไหลลงมาไม่หมด จึงอยากให้ประชาชนที่จะกลับเข้าไปในบ้านต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากใน 2 วันนี้ หากเป็นไปได้ควรกลับเข้าบ้านในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ในเวลา 16.00 น. พายุปาบึกห่างออกจากประเทศไทยวัดจากตะกั่วป่า จ.พังงา ประมาณ 35 กม.

ส่งสิ่งของพระราชทานช่วยเหลือ

...

น.ส.ปราณี ตึกหิน หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิ ราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยถึงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึกว่า มูลนิธิฯ ได้จัดส่งสิ่งของพระราชทานไปไว้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี จำนวน 6 พันชุด และจัดส่งถุงผ้าพระราชทานไปสำรองไว้เพื่อบรรจุสิ่งของพระราชทานที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 4 ประจวบคีรีขันธ์ จำนวน 2 พันชุด เขต 11 สุราษฎร์ธานี 9.5 พันชุด เขต 12 สงขลา จำนวน 6.8 พันชุด และเขต 18 ภูเก็ต 2 พันชุด พร้อมกันนี้ยังประสานกับภาคเอกชนจัดเตรียมอาหารสำเร็จรูปสำหรับช่วยเหลือราษฎรจังหวัดละ 1.5 พันชุด

เมืองคอนเสียหายยับ 16 อำเภอ

ที่ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อเวลา 10.00 น. นายสมพงษ์ มากมณี ปลัดจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานประชุมคณะทำงานสรุปความเสียหายจากพายุโซนร้อนปาบึกในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช พบพื้นที่เสียหายครอบคลุมทั้งจังหวัด 16 อำเภอ บ้านเรือน สิ่งก่อสร้าง ต้นไม้ เสาไฟฟ้าล้มจำนวนมาก ถนนหลายสายถูกต้นไม้ล้มทับ เสาไฟฟ้าหักโค่นไฟดับหลายอำเภอ โดยเฉพาะใน อ.ปากพนัง อ.หัวไทร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 2 ภาคใต้ ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ซ่อมแซมจนใช้การได้แล้ว สำหรับยอดผู้เสียชีวิตสังเวยพายุมี 3 รายคือนายภราดร เกตุชาติ อายุ 35 ปี ถูกพายุพัดต้นไม้ล้มทับบ้านพังทับร่างเสียชีวิตคาบ้านที่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 13 ต.เชียรเขา อ.เชียรใหญ่ รายที่ 2 นายปรีชา จันทร์แก้ว อายุ 66 ปี จมน้ำเสียชีวิตที่ ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง และรายที่ 3 นายตุ้น เพ็งจันทร์ อายุ 101 ปี แน่นหน้าอกเสียชีวิตคาศูนย์อพยพ อ.หัวไทร เมื่อเช้าวันที่ 5 ม.ค.นี้ ทางการจะช่วยเหลือตามระเบียบต่อไป

...

น้ำป่าทะลักท่วมเขตเทศบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงนครศรีธรรมราช ไหลบ่าลงคลองท่าดี อ.ลานสกา เอ่อท่วมถนนสายนครศรีธรรมราช-ลานสกา บริเวณสะพานวังก้อง ทำให้ถนนขาด จากนั้นน้ำป่ายังไหลท่วมหลายพื้นที่ใน อ.พระพรหม อ.เมืองนครศรี-ธรรมราช ถนนทุกซอกซอยและชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลนครศรีธรรมราช และยังท่วมถนนเลียบทางรถไฟ ถนนเทวบุรี ทำให้รถสัญจรไปมาไม่ได้ เจ้าหน้าที่ เทศบาลเร่งออกไปให้ความช่วยเหลือประชาชนพร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำเร่งระบายน้ำให้ลดลงโดยเร็ว เช่นเดียวกับที่ อ.ทุ่งสง เกิดน้ำป่าไหลเอ่อเข้าท่วมตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ถนนหลายสายรถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ บางจุดน้ำท่วมสูงถึง 1 เมตร เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเร่งด่วนแล้ว

ผู้อพยพเริ่มทยอยกลับบ้าน

ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า สภาพดินฟ้าอากาศดีขึ้นมากแล้ว ผู้อพยพที่ประเมินแล้วว่าพื้นที่ปลอดภัยให้ทยอยกลับบ้านแล้ว ยกเว้นพื้นที่ชายฝั่งทะเลได้ให้นายอำเภอไปสำรวจดูว่ายังคงมีคลื่นยกตัวสูงหรือไม่ ถ้ายังไม่ปลอดภัยขอให้อยู่ที่ศูนย์อพยพไปก่อน อย่างไรก็ตาม ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย สิ่งที่ต้องรับมือหลังพายุผ่านไปคือพื้นที่ท้ายน้ำเป็นที่ลุ่มต่ำ น้ำกำลังไหลลงมาท่วม เช่น อ.ทุ่งสง และเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราช กำลังเร่งสูบน้ำระบายออกอย่างเต็มที่ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกเร่งตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือนของประชาชนและขวางถนน โดยเฉพาะ ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ต้นตะเคียนขนาดใหญ่ถูกแรงลมพายุพัดล้มกว่า 10 ต้น ในส่วนของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้รับระดมทีมช่างเทคนิคมาช่วยเร่งปักเสาไฟฟ้าที่หักโค่นเพื่อให้สามารถจ่ายไฟเข้าสู่ระบบได้โดยเร็วที่สุด

...

จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน

พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 พร้อมคณะ ไปเยี่ยมให้กำลังใจและมอบสิ่งของที่จำเป็นให้ประชาชนที่ศูนย์อพยพสนามกีฬามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา และที่ศูนย์อพยพโรงเรียนสิชลคุณาธารวิทยา อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช โดยมีดาราชื่อดัง “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ร่วมเดินทางมาพบปะพูดคุยเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้อพยพด้วย แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยผู้ประสบภัยจากพายุปาบึก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ในการประกอบอาหารเลี้ยงประชาชนที่ศูนย์อพยพต่างๆ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้

เปิดสนามบินนครศรีธรรมราช

นายสุขสวัสดิ์ สุวรรณโณ ผอ.ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เผยว่า หลังจากท่าอากาศยานต้องปิดให้บริการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค. เวลา 00.01 น. หลังจากเที่ยงวันที่ 5 ม.ค. เที่ยวบินสามารถบินขึ้นลงได้ตามปกติพร้อมกลับมาเปิดให้บริการแล้ว ทีมงานเจ้าหน้าที่กู้ภัยและดับเพลิงออกลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบท่าอากาศยาน พร้อมสำรวจบริเวณลานจอดอากาศยาน ร่วมกันทำความสะอาดเพื่อความปลอดภัย สภาพอากาศเช้าวันนี้มีแสงแดด ลมสงบ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ ทุกสายการบินสามารถบินขึ้นลงได้ตามปกติตั้งแต่เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป

คลื่นซัดซากโลมาเกยหาด

นายวชิรพงศ์ สกุลรัตน์ ที่ปรึกษากรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบซากโลมาหัวบาตรหลังเรียบบริเวณหาดหน้าด่าน หมู่ 5 ต.ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ไปตรวจสอบพบโลมาขนาดโตเต็มวัยไม่ทราบเพศ เนื่องมาจากอวัยวะเพศเริ่มเน่า ความยาว 1.2 เมตร สภาพผิวหนังลอกน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 3 วัน ส่วนสาเหตุการตายน่าจะเกิดจากมรสุมพายุปาบึกพัดผ่านในพื้นที่ทำให้คลื่นลมแรง โลมาตัวดังกล่าวอาจจะมีความอ่อนแอจึงถูกคลื่นแรงซัดจนตายลอยมาติดหาดขนอม

ฉวางจมบาดาลไม่พ้นวิกฤติ

นายสกุล ดำรงเกียรติกุล นอภ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายที่ถูกน้ำท่วม หลังฝนตกหนักมา 2 วัน ทำให้มวลน้ำจาก อ.พิปูน ไหลลงสู่แม่น้ำตาปีเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมตลิ่งและพื้นที่ลุ่มใน อ.ฉวาง ได้รับความเดือดร้อนหลายร้อยหลังคาเรือน ถนนสายรองหลายสายรถเล็กไม่สามารถสัญจรได้ ได้แจ้งให้ทุกภาคส่วนติดตามสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่ และเฝ้าฟังข่าวพยากรณ์อากาศ พร้อมประชาสัมพันธ์เสียงตามสายและหอกระจายข่าวให้ประชาชนรับทราบ และเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีจำเป็นสามารถอพยพประชาชนได้ทันที

สุราษฎร์ธานียังต้องเฝ้าระวัง

จ.สุราษฎร์ธานี แม้ว่าปริมาณฝนลดลง แต่ยังมีน้ำป่าหลากเข้าท่วมพื้นที่ อ.กาญจนดิษฐ์ ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 4 ม.ค. มวลน้ำไหลบ่าลงสู่ทะเลที่ อ.ดอนสัก ขณะที่การคมนาคมเริ่มเปิดดำเนินการตามปกติแล้ว สนามบินนานาชาติสุราษฎร์ธานี เปิดตั้งแต่เวลา 12.00 น. สนามบินนานาชาติเกาะสมุย เปิดบริการเที่ยวแรก 10.15 น. มีนักท่องเที่ยวรอขึ้นเครื่องจำนวนมาก คาดวันนี้มีเที่ยวบินทั้งสิ้น 67 เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเดินทางออกจากเกาะสมุย ราว 7,000 คน ส่วนบริษัทท่าเรือราชาเฟอร์รี่ และบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ เปิดเดินเรือแล้วตั้งแต่ช่วงสายวันเดียวกัน นายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า จ.สุราษฎร์ธานี เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ มีแสงแดดแล้ว แต่ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่วนชาวบ้านผู้อพยพทั้ง 27 จุด โดยเฉพาะที่ศูนย์อพยพทั้ง 3 จุด ที่ อ.ดอนสัก กว่า 700 คน ทยอยกลับบ้านเรือนเกือบหมดแล้ว เหลือเพียงศูนย์อพยพบ้านนางกำประมาณ 30 คนที่มีบ้านอยู่ริมทะเล หลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนสำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือ

เรือข้ามเกาะพีพีเปิดบริการ

ที่ จ.กระบี่ พ.ต.ท.ม.ล.กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ เรียกประชุมสรุปสถานการณ์เตรียมเฝ้าระวังน้ำท่วมในพื้นที่ ทั้งนี้ สภาพอากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามืด หลายพื้นที่ อาทิ อ.เมืองกระบี่ อ.อ่าวลึก อ.เขาพนม อ.เหนือคลอง อ.ลำทับ ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง หนักสุดที่ อ.เขาพนม อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวัง บางพื้นที่มีลมกระโชกต้นไม้หักโค่น แต่สถานการณ์ไม่รุนแรงตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า โดยเฉพาะ อ.อ่าวลึก จุดศูนย์กลางพายุพัดผ่านช่วงเวลา 04.00 น. ยังไม่มีรายงานความเดือดร้อนจากราษฎร ด้านนายชัยศิริ ขุนดำ ผอ.สนง.เจ้าท่าภูมิภาค สาขากระบี่ แจ้งว่า ยังคงประกาศให้เรือเล็กทุกชนิดงดออกทะเลในช่วงนี้ จนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนนักท่องเที่ยวบนเกาะพีพีที่อพยพกลับเข้าฝั่งนั้นเป็นเพียงความหวั่นเกรงเรื่องความปลอดภัย แต่เรือโดยสารเป็นเรือเฟอร์รี่ขนาดใหญ่ระหว่างเกาะพีพี-กระบี่ ยังคงเปิดให้เดินเรือรับส่งนักท่องเที่ยวได้ตามปกติ

เร่งอพยพชาวบ้านหนีน้ำป่า

นายชัยวุฒิ บัวทอง นอภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ สั่งการให้อพยพราษฎร 20 ครัวเรือน 59 คน จากบ้านช่องไม้ดำ หมู่ 5 ต.คลองหิน ไปพักยังพื้นที่โรงเรียนบ้านช่องไม้ดำ เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะเกิดน้ำป่าไหลหลากดินโคลนถล่มจากเทือกเขาพนมเบญจา ขณะที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี และอุทยานแห่งชาติเขาพนมเบญจา สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปบริเวณน้ำตกธารโบกขรณีและน้ำตกห้วยโต้ เนื่องจากสภาพน้ำเริ่มเปลี่ยนสี อยู่ในสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ส่วนที่เขาหงอนนาค จุดท่องเที่ยวอีกแห่งก็สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมในช่วงนี้เช่นกัน

ไข่เต่ามะเฟืองที่พังงาปลอดภัย

จ.พังงา ตั้งแต่ช่วงเช้ายังมีสภาพอากาศมืดครึ้ม มีหมอกหนา ระดับน้ำในคลองพังงาเป็นปกติ มีฝนตก โปรยปรายและหยุดเป็นช่วงๆ ที่ท่าเทียบเรือเกาะยาวน้อย อ.เกาะยาว มีเรือท่องเที่ยวและเรือโดยสารจอดเทียบท่าเพื่อรอดูสถานการณ์ หลังจากหน่วยงานราชการแจ้งเตือนให้งดออกจากฝั่ง นายศิริพัฒ พัฒกุล ผวจ.พังงา ออกตรวจสถานการณ์ในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะ อ.กะปง อ.ตะกั่วป่า และ อ.คุระบุรี แจ้งเตือนให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และคลื่นลมแรงในทะเล จากนั้นไปตรวจที่ชายหาดท่าไทร ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จุดที่พบแม่เต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ประมาณ 100 ฟอง เมื่อเดือน ธ.ค.61 เจ้าหน้าที่ได้กั้นบริเวณรอบๆหลุมพร้อมตั้งชุดเฝ้าติดตามพัฒนาการของไข่เต่า พบว่าคลื่นลมทะเลไม่รุนแรงมากนัก หลุมไข่เต่าปลอดภัยอยู่ห่างจากน้ำทะเลท่วมถึงประมาณ 30 เมตร

ช่วยนักท่องเที่ยวฝรั่งติดเกาะ

ขณะที่นายนริศ ฤกษ์ดี นอภ.เกาะยาว จ.พังงา สั่งการเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวยุโรป 74 คน ที่ต้องการออกจากเกาะยาวกลับขึ้นฝั่ง โดยใช้เรือสปีดโบ๊ตพามาขึ้นที่ท่าเทียบเรือคลองเคียน อ.ตะกั่วทุ่ง หลังจากในพื้นที่ลมเริ่มสงบ คลื่นลมไม่รุนแรงมากนัก ส่วนที่ชายหาดบางสัก อ.ตะกั่วป่า มีฝนตกและคลื่นลมแรงขึ้น โรงแรมและรีสอร์ตต่างๆ บริเวณชายหาดพากันปักธงแดงประกาศเตือนห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำเด็ดขาดในช่วงนี้ พร้อมทั้งมีการ์ดบีชคอยเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เช่นเดียวกับร้านอาหารที่อยู่ติดริมชายหาดต้องหยุดให้บริการเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนในช่วง 1-2 วันนี้

รับ 117 นทท.เกาะพยามกลับฝั่ง

จ.ระนอง ยังคงมีเมฆปกคลุมและมีฝนตกกระจาย ไม่มีลมกระโชกแรง เจ้าหน้าที่ยังคงเฝ้าระวังทุกพื้นที่ การท่องเที่ยวทางทะเลยังคงประกาศปิด และห้ามเรือทุกชนิดออกจากฝั่ง รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางไปยังเกาะต่างๆ และชาวบ้านที่ติดต่อ ค้าขายระหว่างจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา ไปจนถึงเที่ยงวันที่ 6 ม.ค. ขณะที่นักท่องเที่ยวที่ติดอยู่บนเกาะพยาม อ.เมืองระนอง เจ้าหน้าที่ อบต.เกาะพยาม ได้ส่งนักท่องเที่ยว 117 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วย 2 คน ลงเรือประมง 2 ลำ ไปส่งขึ้นเรือหลวงสงขลา 332 เดินทางกลับขึ้นฝั่ง จ.ระนอง เพื่อความปลอดภัย

ต้นไม้โค่นทับฐานทหารพราน

จ.นราธิวาส หลังเกิดพายุกระหน่ำในพื้นที่ 13 อำเภอ สร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง ที่ อ.บาเจาะ เจ้าหน้าที่ทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ พร้อมด้วยพระสมุห์จิรพนธ์ ธมฺมจาโร เจ้าอาวาสวัดอุไรรัตนาราม ต.บาเจาะ เข้าสำรวจความเสียหายหลังพายุพัดต้นไม้ขนาดใหญ่โค่นล้มลงมาทับศาลาโรงธรรมภายในวัด กระเบื้องหลังคาแตกเสียหายจำนวนมาก นอกจากนี้ ต้นไม้ใหญ่ยังล้มทับที่พักของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งตั้งฐานปฏิบัติการภายในวัดพังเสียหายหลายหลัง ทำให้ทหารไม่มีที่นอนและไฟฟ้าดับทั้งวัด นอกจากนี้ ต้นไม้ยังล้มทับบ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ อ.บาเจาะ ได้รับความเสียหายกว่า 100 หลัง กำแพงและอาคารเรียนโรงเรียนเสียหาย 2 แห่ง สายไฟฟ้าขาด 2 จุด เป็นเหตุให้ไฟฟ้าดับทั่วทั้งอำเภอ ส่วนที่ฐานน้ำตกปาโจ ฐานปฏิบัติการทหารพรานนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตั้งอยู่บ้านสะแต หมู่ 4 ต.บาเจาะ ถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับอาคารที่นอนได้รับความเสียหายและมีทหารบาดเจ็บ 2 นาย

พังราบทั้งบ้าน-ถนน-เสาไฟฟ้า

จ.พัทลุง หลายพื้นที่ยังมีฝนตก พายุพัดต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน เส้นทางการคมนาคม สายไฟฟ้า เจ้าหน้าที่ระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแล้ว ทั้งที่ อ.บางแก้ว อ.ควนขนุน อ.ป่าพะยอม และ อ.เมืองพัทลุง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ควนขนุน มีต้นไม้ ล้มทับถนนกีดขวางเส้นทางจราจร 14 จุด ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนราษฎร 22 หลัง ต้นไม้ล้มทับหม้อแปลงและสายไฟฟ้าเสียหาย 13 จุด ส่วนพื้นที่ ต.เกาะเต่า อ.ป่าพะยอม มีต้นไม้ล้มทับบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 25 หลัง

คลื่นแรงซัดทรายเกลื่อนถนน

จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระดับน้ำทะเลอ่าวประจวบมีคลื่นสูง 3-5 เมตร ซัดเข้าแนวชายฝั่ง รวมไปถึงถนนเลียบชายทะเลสวนสน เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ มีบ้านเรือนประชาชน โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ราชการ น้ำทะเลพัดพาเศษกิ่งใบสนอุดช่องทางระบายน้ำและขอบไหล่ทาง นอกจากนี้ยังมีทรายปริมาณมหาศาลและก้อนหินที่ถูกคลื่นพัดพาขึ้นถนนด้วย ส่วนที่ชายทะเลแม่รำพึง อ.บางสะพาน เกิดคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ซัดเข้าหาบ้านเรือนและร้านอาหารติดทะเล เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพประชาชนประมาณ 40 หลังคาเรือนไปยังศูนย์ชั่วคราวบริเวณที่ทำการ อบต.แม่รำพึง เช่นเดียวกับถนนเลียบชายทะเลบ้านกรูด แหล่งท่องเที่ยงชื่อดังของ อ.บางสะพาน ก็ถูกคลื่นซัดขึ้นมาถึงถนนเช่นกัน เจ้าหน้าที่เร่งเคลียร์พื้นที่อย่างเร่งด่วน

หาดเมืองเพชรคลื่นซัดกระจาย

ที่หาดชะอำ หาดเพชร และหาดปึกเตียน อ.ท่ายาง และหาดเจ้าสำราญ อ.เมืองเพชรบุรี ทะเลมีคลื่นแรงสูงประมาณ 2-3 เมตร ซัดถนนแนวชายทะเล ผู้ประกอบการรวมทั้งชาวบ้านที่อยู่ตลอดแนวชายทะเลต้องช่วยกันเก็บสิ่งของที่ถูกคลื่นซัดกระจาย รวมทั้งช่วยกันระบายน้ำที่ซัดขึ้นมาท่วมขังออกจากพื้นที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจความเสียหาย และให้การช่วยเหลือ พร้อมประกาศห้ามนำเรือออกจากฝั่ง

กวาดเรียบเตียงผ้าใบบางแสน

ส่วนจังหวัดชายทะเลภาคตะวันออกก็ได้รับผลกระทบจากหางของพายุปาบึกด้วยเช่นกัน เริ่มที่ จ.ชลบุรี เกิดน้ำทะเลหนุนสูงท่วมถนนบริเวณถนนเลียบชายทะเลในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองชลบุรี หน้าอำเภอเมืองชลบุรี ถนนหน้าศาลารวมใจชล ระดับน้ำสูงถึงหัวเข่าระยะทางยาวกว่า 1 กม. ระดับน้ำทะเลขึ้นสูงมากจนเกือบถึงขอบสะพานใหม่เลียบชายทะเล ส่วนบ้านเรือนชายฝั่ง อ.ศรีราชา น้ำทะเลหนุนสูงบ้านเสียหาย 40 หลัง ชาวบ้านเร่งอพยพของหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ที่ท่าเรือจรินทร์ น้ำทะเลหนุนสูงถึงสะพาน ชาวประมงงดออกทะเล ส่วนที่ชายหาดบางแสนน้ำทะเลหนุนสูงถึงชายหาด ทำให้เตียงผ้าใบและโต๊ะของผู้ประกอบการ ถูกคลื่นซัดลอยลงทะเลไกลออกไปกว่า 3 กม. ขณะที่ชายทะเลตลาดสัตหีบ คลื่นลมแรงน้ำทะเลหนุนสูง บ้านเรือนชายหาดเสียหาย 20 หลังคาเรือน เรือประมงขนาดเล็กจอดทอดสมอจมหาย 10 ลำ

แรงถึงถนนเลียบหาดระยอง

จ.ระยอง เกิดฝนตกต่อเนื่อง คลื่นลมแรงน้ำทะเลซัดขึ้นไปถนนเลียบชายหาดสุชาดา หาดพีเอ็มวาย ต.เนินพระ และหาดแหลมเจริญ ต.ปากน้ำ อ.เมืองระยอง ระยะทางกว่า 4 กม. ส่วนที่หาดแหลมแม่พิมพ์ อ่าวมะขามป้อม ชายทะเลปากน้ำประแส อ.แกลง ชายหาดสวนสน ชายหาดแม่รำพึง ชายหาดแสงจันทร์ ชายหาดสุชาดา ชายหาดสวนกระซิบ ชายหาดบ้านเพอำเภอเมือง ชายหาดพลา ชายหาดพยูน อ.บ้านฉาง น้ำทะเลซัดได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายพร้อมช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ขนย้ายสิ่งของ เรือประมง ผู้ป่วยติดเตียงและคนชราออกจากบ้านที่อยู่ใกล้พื้นที่ชายหาดทะเล พร้อมประกาศเตือนห้ามนักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำทะเล สั่งเรือท่องเที่ยวงดรับส่งผู้โดยสารข้ามฝั่งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ

ร้านค้าริมทะเลจันทบุรีพังยับ

ชาวบ้านในหลายพื้นที่ติดชายทะเลเป็นแนวยาวตั้งแต่ อ.นายายอาม อ.ท่าใหม่ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี ได้รับผลกระทบจากระดับน้ำทะเลขึ้นสูงผิดปกติ คลื่นสูง 1-3 เมตร โดยเฉพาะบ้านเรือนและร้านค้าริมชายหาดถูกคลื่นซัดเสียหายจำนวนมาก ขณะที่นายวิวัฒน์ มหาผลศิริกุล รอง ผวจ.จันทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ.จ.จันทบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถาน จันทบุรี และหน่วยกู้ชีพขลุงมูลนิธิ ลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหาย พร้อมเข้าช่วยเหลือขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และอพยพชาวบ้านไปอยู่ในที่ปลอดภัย เช่นเดียวกับ จ.ตราด คลื่นลมแรงในทะเลสร้างความเสียหายให้ร้านค้าริมหาดทรายขาว อ.เกาะช้าง ขณะที่น้ำทะเลหนุนสูงทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านที่เลี้ยงปลากระชังไว้ในแม่น้ำตราด อ.เมืองตราด ต่างได้รับความเสียหาย ปลาน็อกน้ำตายจำนวนมาก

น้ำท่วมทะลักเข้า รพ.บางปะกง

ที่บริเวณหน้า รพ.บางปะกง ถนนเทพรัตน (บางนา-ตราด) กม.ที่ 48 อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา น้ำท่วมถนนสูงประมาณ 10-30 ซม. ระยะทางยาว 150 เมตร ผลพวงน้ำทะเลหนุนการจราจรติดขัดอย่างหนัก ภายใน รพ.บางปะกง ทางเข้าน้ำท่วม 30-50 ซม. ชาวบ้านต้องเดินลุยน้ำ การรับส่งผู้ป่วยเป็นไปด้วยความยากลำบาก ส่วนบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดริมแม่น้ำบางปะกงได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากน้ำเอ่อเข้าท่วมตั้งแต่ช่วงเช้า ชาวบ้านขนย้ายข้าวของไม่ทัน ส่วนที่ชุมชนปากอ่าวแม่น้ำแม่กลองและในตัวตลาดเขตเทศบาลเมืองสมุทรสาคร น้ำทะเลหนุนสูงนานกว่า 2 ชม. หลังจากนั้นระดับ น้ำค่อยๆลดลง

“แหลมฟ้าผ่า” อ่วมท่วมมิดถนน

ที่ อ.พระประแดง และ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ น้ำทะเลหนุนสูงท่วมถนนหลายสายระดับน้ำสูงถึงหัวเข่า ที่ถนนหลักสาย 303 สุขสวัสดิ์-ป้อมพระจุลจอมเกล้า น้ำท่วมสูงมิดถนนทั้ง 2 เลน การจราจรเคลื่อนตัวช้าสลับหยุดนิ่ง ที่ถนนสายวัดแหลมฟ้าผ่า-บ้านนาเกลือ หมู่ 2 ต.นาเกลือ น้ำท่วมสูงถึงน่องขา รถเล็กไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ต้องวิ่งอ้อมไปใช้เส้นทางคู่สร้าง-ประชาอุทิศ บ้านเรือนได้รับ ผลกระทบกว่า 100 หลังคาเรือน

นายกฯ ขอประชาชนไม่ประมาท

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้รับรายงานขณะนี้พายุโซนร้อนปาบึกอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชัน และเคลื่อนลงทะเลอันดามันแล้ว แต่ยังมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่จะมีผลกระทบต่อไปอีก 1 วัน จึงขอให้ประชาชนอย่าประมาท ระวังอันตรายน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ให้อยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวไปก่อนจนกว่าทางราชการประกาศชัดเจนว่าปลอดภัย ส่วนพื้นที่ใดพายุเคลื่อนผ่านไปแล้วประชาชนเริ่มกลับเข้าที่พัก ขอให้เจ้าหน้าที่ลงไปให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อความปลอดภัย และเตรียมช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างที่เสียหาย เสาไฟฟ้าที่หักโค่น ให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ตามปกติ ส่วนการออกเรือ การบิน การใช้รถใช้ถนน ให้รอการยืนยันจากหน่วยงานรัฐก่อน และฝากเตือนอย่าปล่อยข่าวบิดเบือนสร้างความตื่นตระหนก หากพบจะดำเนินคดีเด็ดขาด

สั่งฟันพวกฉวยโอกาสขึ้นราคา

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เผยว่า สั่งการให้กรมการค้าภายในประสานกับภาคเอกชน จัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นต่อการครองชีพ ได้แก่ ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมทั้งจัดหาสินค้าวัสดุก่อสร้างในราคาพิเศษ ทั้งนี้จะจัดคาราวานรถไปในพื้นที่ประสบภัยในวันที่ 7 ม.ค.นี้ใน 4 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา และชุมพร พร้อมสั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลไม่ให้ประชาชนถูกเอารัดเอาเปรียบจากการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า หากผู้บริโภคพบเห็นการปฏิเสธการจำหน่ายสินค้า กักตุนสินค้าหรือขายราคาสูงเกินสมควร สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน กรมการค้าภายใน 1569

คปภ.จี้จ่ายสินไหมทดแทน

นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า คปภ.ประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งภาครัฐ และเอกชนเพื่อติดตามดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุปาบึก ส่งหนังสือถึงสมาคมประกันวินาศภัยไทย และสมาคมประกันชีวิตไทย เรื่องมาตรการในการดูแลสิทธิประโยชน์ของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ขอความร่วมมือสมาคมประกันวินาศภัยไทยและสมาคมประกันชีวิตไทย แจ้งให้บริษัทประกันวินาศภัยและบริษัทประกันชีวิต ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบและเยียวยาความเสียหายได้ทันท่วงที

ค่ายมือถือเร่งกู้ระบบสื่อสาร

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดของระบบการสื่อสารใน จ.นครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกว่า ผู้ประกอบการมือถือรายงานให้ กสทช.รับทราบเป็นระยะเกี่ยวกับกู้ระบบสื่อสารในพื้นที่ดังกล่าวให้กลับมาให้บริการได้เช่นเดิม โดยทรูสามารถกู้สถานีฐานในจังหวัดกลับมาได้ 26 สถานี จ.สุราษฎร์ธานี ไฟดับเพิ่ม 51 สถานี จ.ชุมพร และ จ.ระนอง กู้กลับมาได้ครบแล้ว ส่วนเอไอเอส และดีแทค กู้กลับมาได้บางส่วน ส่วนที่ยังกู้ไม่ได้รอเจ้าหน้าที่เคลียร์เพื่อให้เข้าพื้นที่

กรมชลฯเร่งระบายน้ำเมืองคอน

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า กรมชลประทานร่วมกับเทศบาลนครนครศรี– ธรรมราช เร่งระบายน้ำออกสู่ทะเล ใช้เครื่องสูบน้ำและเครื่องผลักดันน้ำที่ติดตั้งไว้เตรียมพร้อมตามจุดต่างๆ ทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชลดลงอย่างต่อเนื่อง คงเหลือน้ำท่วมขังในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง คาดการณ์ว่าหากฝนไม่ตกหนักลงมาเพิ่มเติม สถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 2-3 วัน

แหล่งผลิตปิโตรเลียมปลอดภัย

สำหรับสถานการณ์การผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่อ่าวไทยถือว่าคลี่คลายแล้ว บริษัทผู้ประกอบกิจการพลังงานได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจอุปกรณ์บนแท่นผลิตปิโตรเลียมและเร่งดำเนินการให้สามารถกลับมาผลิตปิโตรเลียมเพื่อรองรับการใช้ของประชาชน รายละเอียดการดำเนินการมีดังนี้ ด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติ จากการเข้าตรวจสอบพบว่า ไม่มีอะไรเสียหาย สามารถกลับมาผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในวันที่ 6 ม.ค. และจะสามารถผลิตได้อย่างเต็มที่ วันที่ 7 ม.ค. ด้านไฟฟ้า ในส่วนของโรงไฟฟ้าไม่มีความเสียหายและสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามปกติ

สถานพยาบาลเสียหาย 27 แห่ง

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข (EOC) ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ร่วมกับทีมแพทย์และสาธารณสุข 16 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึกว่า ได้รับรายงานข้อมูลในพื้นที่พบว่าสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด รวม 27 แห่ง คือ นครศรีธรรมราช 12 แห่ง สงขลา 10 แห่ง นราธิวาส 4 แห่ง และปัตตานี 1 แห่ง ส่วนใหญ่มาจากลมพัดแรงทำให้กระเบื้องหลังคาเสียหาย รวมถึงไฟฟ้าดับ มีน้ำท่วมเข้าโรงพยาบาลบางแห่ง อาคารที่พักเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย แต่สถานพยาบาลยังสามารถให้บริการได้เต็มระบบ โรงพยาบาลแต่ละแห่งใช้เงินบำรุงของโรงพยาบาลดำเนินการแก้ไขปัญหาไปก่อน หลังจากนั้นส่วนกลางจะสำรวจความเสียหายและจัดสรรงบประมาณลงไปช่วยเหลือ

จัดการไกล่เกลี่ยหนี้ชั้นบังคับคดี

น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี เผยว่า จากสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนจำนวนมาก อาจส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา ดังนั้นเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจึงดำเนินมาตรการเชิงรุกให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยแจ้งให้สำนักงานบังคับคดีจังหวัดในพื้นที่ประสบภัยทุกจังหวัด จัดการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี เพื่อลดการถูกบังคับคดี ไม่ถูกฟ้องล้มละลาย เพื่อคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ที่ดีขึ้น ทั้งนี้ การไกล่เกลี่ยไม่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น ผู้ประสบอุทกภัยที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี โทรศัพท์หมายเลข 0-2887-5085, 0-2887-5072 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 ต่อ 79

สั่ง “มท.-พม.-จังหวัด” เร่งเยียวยา

ต่อมาในช่วงค่ำ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และจังหวัด เร่งเข้าไปประเมินความเสียหายหลายอำเภอ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยซ่อมแซมเป็นการด่วน อำนวยความสะดวกน้ำดื่มและอาหารให้มากที่สุด จัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าประเมินสุขภาพประชาชน นายกฯตั้งใจลงพื้นที่วันที่ 5 ม.ค. แต่กระทรวงมหาดไทยยังไม่อยากให้ลงตอนนี้เพราะเป็นห่วงจะมีปัญหาสนามบินกับสภาพอากาศ รวมถึงไม่อยากให้เจ้าหน้าที่แบ่งกำลังมาต้อนรับจะได้ใช้เวลาช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ นายกฯจะดูความเหมาะสมอีกครั้งเพื่อลงไปให้กำลังใจประชาชน