จนท.ปกครอง เข้าตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ภายในบริเวณวัดถ้ำเสือวิปัสสนา จ.กระบี่ หลังต้นไม้ใหญ่ในวัดมากกว่า 100 ต้น ถูกพระลูกวัด เอามัดเฉาะโคนต้นทายาฆ่า รับทำจริงอ้างต้องการปลูกต้นไม้ใหม่ทดแทน...

เมื่อวันที่ 30 ส.ค.2561 นายมะโน เครือแก้ว กำนันตำบลกระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ พร้อม จนท.ฝ่ายปกครอง เข้าไปตรวจสอบต้นไม้ใหญ่ภายในบริเวณวัดถ้ำเสือวิปัสสนา สถานที่ปฏิบัติธรรม และแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กระบี่ ตั้งอยู่ หมู่ 1 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง หลังทราบจาก พระอินเดีย เตชะวะโร พระฝ่ายปกครองคณะสงฆ์ วัดถ้ำเสือ ว่าต้นไม้ใหญ่ภายในวัดมากกว่า 100 ต้น ถูกพระลูกวัดรูปหนึ่งลงมือใช้มีดเฉาะโค้นต้นไม้แล้วใช้น้ำยาฆ่าตอไม้ ป้ายทา หวังให้ต้นไม้ยืนต้นตาย ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณลานจอดรถหน้าวัด พบต้นไม้ใหญ่หลายชนิด อาทิ ต้นตะแบก อินทนินท์ กระถิ่นณรงค์ จามจุรี ขนาดอายุตั้งแต่ 20 ปี ขึ้นไป ถูกกระทำด้วยวิธีการดังกล่าว ทำให้ต้นไม้บางต้นเริ่มมีอาการเหี่ยวเฉา แห้งตายไปบ้างแล้วบางส่วน

นอกจากนี้ พระอินเดีย ได้พา จนท.พร้อมผู้สื่อข่าว เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ป่าด้านหลังวัด ซึ่งอยู่ภายในหุบเขา และเป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า เนื่องจากเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระในวัด โดยพื้นที่ดังกล่าว มีภูเขาล้อมรอบ มีต้นไม้ใหญ่อยู่ในบริเวณนี้จำนวนมาก ก็พบต้นไม้ใหญ่อายุหลายสิบปี หลายต้นถูกกระทำด้วยวิธีการเดียวกัน บางต้นถูกทำด้วยวิธีการเจาะโคนต้นให้เป็นรู แล้วเทน้ำยาเข้าไป ทำให้ทีมตรวจสอบถึงกับอึ้งกับภาพที่เห็น เพราะต้นไม้หลายต้นมีอายุมากกว่า 50 ปี ใหญ่ขนาด 2-3 คนโอบ บางต้นมีการห่มบวชไว้ด้วยผ้าจีวร ก็ยังถูกเจาะทำลาย

...

เบื้องต้น พระอินเดีย เผยว่า จากการสอบถามพระลูกวัด และ รปภ.ที่ดูแลภายในวัด ยืนยันว่าผู้ที่ลงมือกระทำการดังกล่าวเป็นพระลูกวัดรูปหนึ่ง โดยทางวัดตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวพบตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ส.ค. จึงเข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.กระบี่ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จากนั้นตำรวจได้นัดให้พระลูกวัดคนดังกล่าว มาเจรจากับกรรมการวัด เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเป็นคนลงมือทำจริง โดยอ้างว่าต้องการปลูกต้นไม้ใหม่ทดแทน แต่กรรมการวัดเห็นว่าเป็นการทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ เป็นทรัพยากรของวัด จึงลงความเห็นให้พระรูปดังกล่าว ออกจากวัดไปภายในวันที่ 16 ส.ค. แต่พอผ่านวันที่ตกลงกันไว้ ก็ยังไม่ยอมย้ายออก ทางวัดจึงประสานให้ตำรวจดำเนินคดีทันที ซึ่งทางตำรวจเตรียมจะเรียกตัวพระรูป ดังกล่าว ไปรับทราบข้อกล่าวหา และรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดี ส่วนความผิดทางวินัยสงฆ์ เรื่องนี้จะขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเข้าข่ายความผิดตามพระวินัยข้อใดบ้าง

ด้าน นายมะโน กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบ พบต้นไม้ในวัดถูกทำลายไปจำนวนมาก ซึ่งแต่ละต้นมีอายุหลายสิบปี ถือเป็นทรัพยากรสำคัญของพื้นที่ ตนจึงยอมเรื่องนี้ไม่ได้ และได้ประสานไปยังป่าไม้ จ.กระบี่ ให้เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้ รวมทั้งตรวจอย่างละเอียดว่าอาจจะยังมีในส่วนที่ตรวจไม่เจอ รวมทั้งจะได้ทราบชนิดของไม้ว่าเป็นไม้ในข่ายไม้หวงห้ามด้วยหรือไม่ ซึ่งพื้นที่ป่าภายในวัด เดิมเป็นพื้นที่ป่าไม้ แต่ต่อมาทางป่าไม้มอบให้วัดดูแล เบื้องต้นทางวัดจึงแจ้งความทำให้เสียทรัพย์ แต่ในส่วนของทางป่าไม้ อาจจะมีการแจ้งเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ป่าไม้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อจะขอเข้าพบพระลูกวัด ผู้ก่อเหตุ แต่ทราบจากพระภายในวัดว่า พระรูปดังกล่าว ได้ออกจากวัดไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 ส.ค. โดยทราบว่าจะเดินทางไปทำธุระที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทางตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป.