ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ลงดาบเชือด ผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ งาบงบอาหารกลางวัน นักเรียนอนุบาลให้กินขนมจีนคลุกนํ้าปลานาน กว่า 3 ปี ให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง 5 ประเด็น ชงเรื่องรายงาน ผวจ.พิจารณาเห็นชอบ ด้าน ป.ป.ช.จังหวัดเร่งสรุปสำนวนทุจริตอาหารกลางวันเด็กส่งคณะกรรมการพิจารณาภายในสัปดาห์นี้ ส่วนอีก 4 เรื่องให้ต้นสังกัดเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. หรือเข้าร้องเรียน ป.ป.ช.จังหวัดโดยตรง ผู้ปกครองพากันโล่งอกหลังผลสอบข้อเท็จจริงมีมูลและเรื่องเข้าสู่กระบวนการ แถมเป็นต้นแบบให้โรงเรียนอื่นๆ ปรับปรุงอาหารเด็กให้ดีขึ้น
กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ในแวดวงการศึกษา หลังโลกโซเชียลแชร์คลิปเด็กนักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนบ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องกินเส้นขนมจีนคลุกน้ำปลามานานกว่า 3 ปี ส่อมีการทุจริตงบประมาณอาหารกลางวันเด็กนักเรียน รวมทั้งโครงการอื่นๆ ของโรงเรียน จนกระทั่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุราษฎร์ธานี เขต 2 (สพป.สฎ.เขต 2) มีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ ไปช่วยราชการที่ สพป.สฎ.เขต 2 พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ได้ข้อสรุปนำเอกสารหลักฐานการสอบสวนเสนอให้ศึกษาธิการจังหวัดตรวจสอบก่อนนำความเห็นรายงานต่อ ผวจ.ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด
ความคืบหน้าที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 12 มิ.ย. นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำเอกสารสรุปรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ ถูกร้องเรียนข้อสงสัยทุจริตอาหารกลางวันนักเรียนและทุจริตอื่นรวม 10 ข้อ เข้าหารือและรายงานต่อนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพป.สฎ.เขต 2 ต้นสังกัดที่พบว่าข้อร้องเรียนมีมูล จึงให้นายสมเชาว์ออกจากราชการไว้ก่อนและดำเนินการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงต่อไป โดยนายวิชวุทย์เห็นชอบตามที่เสนอมา
...
นายชุมพลกล่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของ สพป.สฎ.เขต 2 มีความเห็นว่า ข้อร้องเรียนมีมูลเหตุอันเชื่อได้ว่ามีทุจริตอย่างร้ายแรง ตนจึงได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายสมเชาว์ และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ตามการสืบสวนข้อเท็จจริงพบนายสมเชาว์ มีพฤติการณ์ทำผิดวินัยร้ายแรงใน 5 ประเด็น คือ 1.โครงการปรับปรุงซ่อมแซมไฟฟ้าภายในโรงเรียน ที่ไม่เป็นไปตามแบบพัสดุที่ยื่นขอปรับปรุง 2.โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตที่มีการใช้งบประมาณซ้ำซ้อนร่วม 3 แสนบาท และยังนำเงินการกุศลไปใช้ในโครงการ 3.การขายผลผลิตปาล์มน้ำมันซึ่งเป็นสวนปาล์มของโรงเรียน แต่ไม่นำเงินเข้าบัญชีโรงเรียน 4.การจัดอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนที่ไม่มีคุณภาพและเพียงพอกับนักเรียน และส่อไปในทางทุจริต และ 5.การอนุญาตให้ขายเครื่องดื่มน้ำอัดลมภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นนโยบายห้ามเด็ดขาด
ด้านนายพล ศรัทโธ ผอ.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี เผยว่า กำลังเร่งสรุปสำนวนการสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องอาหารกลางวันนักเรียนให้แล้วเสร็จ เพื่อส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาได้ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนข้อร้องเรียนอื่นที่คณะกรรมการสืบสวนต้นสังกัดพบความผิดวินัยร้ายแรงอีก 4 เรื่องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดหรือโรงเรียนในฐานะนิติบุคคลจะต้องแจ้งความร้องทุกข์ สามารถดำเนินการได้ 2 ทาง คือ แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในพื้นที่เพื่อส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. หรือเข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเพื่อให้เข้าตรวจสอบและดำเนินการ โดยปีการศึกษา 2561 ที่เพิ่งเปิดเรียนพบว่ามีเอกสารการเบิกจ่ายเงินค่าอาหารวันละกว่า 5,000 บาท แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีการใช้เงินเพียงวันละ 3,000 บาท จึงเห็นว่ามีเงินจำนวนหนึ่งถูกเบียดบังออกไปจริง
ขณะที่บรรดาผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนบ้านท่าใหม่ หลังทราบข่าวการสืบสวนข้อเท็จจริงมีมูลตามที่ร้องเรียน พากันโล่งอกที่ได้พิสูจน์ความจริงโดยไม่มีอคติส่วนตัวหรือเป็นเรื่องกลั่นแกล้งกัน ผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่งกล่าวว่า ได้ทราบว่ามีคำสั่งให้นายสมเชาว์ ออกจากราชการไว้ก่อนเพื่อสอบสวนทางวินัย ชาวบ้านถือว่าทางราชการได้รับรู้ปัญหาและเข้าสู่กระบวนการแล้ว จะออกมาเป็นอย่างไรเชื่อว่าเป็นไปตามผลของการกระทำ อย่างน้อยเด็กนักเรียนที่นี่จะได้กินอาหารกลางวันที่ดีขึ้น และโรงเรียนอื่นๆ ก็มีการปรับปรุงอาหารจากการสะท้อนปัญหาที่โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยจากเรื่องร้องเรียนดังกล่าว ผู้ปกครองพร้อมครูโรงเรียนบ้านท่าใหม่รวม 4 คนได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ท่าชนะ โดย พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผกก.รับปากจะดูแลความปลอดภัยให้เป็นอย่างดี