ครูโรงเรียนบ้านท่าใหม่ร่ำไห้ฟ้องที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ แฉถูก ผอ.โรงเรียนฉาวเจ้าของ เมนูอัปยศ “ขนมจีนคลุก น้ำปลา” บังคับให้เซ็นชื่อตรวจรับพัสดุ ยอมรับทำไปทั้งที่รู้ว่ามีการทุจริตแต่พูดไม่ได้ อ้างโดนข่มขู่หากเรื่องแดงจะติดร่างแหไปด้วย และหากไม่ทำตามจะไม่ให้ผ่านการประเมิน แถมยังเกรงกลัวอิทธิพล เร่งประสานผู้ว่าฯและผู้การสุราษฎร์ธานีส่งกำลัง อส.-ตำรวจเข้าคุ้มครองพยาน ด้านคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงจ่อเสนอฟันวินัยร้ายแรง 5 เรื่อง พร้อมดำเนินคดีทั้งแพ่งและอาญา
สังคมยังเฝ้าจับตาถึงเรื่องอื้อฉาวในแวดวงการศึกษายุครัฐบาล คสช. กรณีการทุจริตงบประมาณอาหารกลางวันในโรงเรียน หลังโลกโซเชียลแชร์คลิป “ขนมจีนคลุกน้ำปลา” ที่เด็กชั้นอนุบาล ร.ร.บ้านท่าใหม่ หมู่ 17 ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องกินมานานกว่า 3 ปี กระทั่งผู้ปกครองทนไม่ไหวรวมตัวกันมาประท้วงผู้บริหาร จนมีคำสั่งย้ายนายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ ออกนอกพื้นที่พร้อมตั้งกรรมการสอบสวน ต่อมาเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ยังมีการทุจริตโครงการอื่นๆภายในโรงเรียนแห่งนี้อีกหลายโครงการ
...
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 8 มิ.ย. พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) พร้อมนักกฎหมายกระทรวงศึกษาธิการ ตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เดินทางมาที่ ร.ร.บ้านท่าใหม่ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยม ให้กำลังใจ และติดตามความคืบหน้าการสอบสวนข้อเท็จจริงตามที่คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ของ สพป. สุราษฎร์ธานี เขต 2 ตรวจสอบการทุจริตโครงการต่างๆ โดย พล.ท.โกศลได้เรียกครูและบุคลากรของโรงเรียนมาร่วมพูดคุย และเปิดโอกาสให้พูดความอัดอั้นตันใจต่อหน้านายชุมพล ศรีสังฆ์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี และนายประทีป ทองด้วง ผอ.สปพ.สุราษฎร์ธานี เขต 2
จากการพูดคุยกับครูและเจ้าหน้าที่ผู้ทำหน้าที่ตรวจรับพัสดุอย่างน้อย 4 คน ต่างร่ำไห้และขอความช่วยเหลือจาก พล.ท.โกศลว่า ครูที่ปรากฏหลักฐานเป็นผู้ร่วมลงนาม จนทำให้มีส่วนในการกระทำความผิด ร่วมกับ ผอ.ร.ร.บ้านท่าใหม่ เป็นข้าราชการบรรจุใหม่ ถูกสั่งให้ทำหน้าที่ตรวจรับพัสดุ ทั้งที่ไม่มีความรู้ในการตรวจรับ อีกทั้งถูกข่มขู่ให้ลงนามตรวจรับพัสดุโดยอ้างว่าถ้าไม่เซ็นจะไม่ผ่านการประเมิน ที่ผ่านมารับทราบว่ามีการทุจริตมาตลอด แต่ไม่สามารถพูดหรือร้องเรียนได้ เนื่องจากผู้อำนวยการจะข่มขู่ว่าหากเรื่องแดงขึ้นมาพวกตนจะมีความผิดด้วย พล.ท.โกศลได้รับปากว่าจะประสานไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้สอบปากคำให้เห็นถึงเจตนา หากครูกระทำไปโดยขาดเจตนา จะหาทางช่วยเหลือ และกำชับให้ข้าราชการครูทุกคน ให้ปากคำกับคณะกรรมการสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ไปตามความเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม มีข้าราชการครูคนหนึ่งให้ข้อมูลอีกว่า ครู บุคลากร รวมถึงผู้ปกครอง มีความเกรงกลัวในอิทธิพลของผู้อำนวยการโรงเรียน และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิต พล.ท.โกศลจึงมอบหมายให้นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสาน ผวจ.สุราษฎร์ธานี และ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี ให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ อส.และตำรวจ เข้าประจำที่โรงเรียนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับครูและบุคลากรทุกคน
พล.ท.โกศลกล่าวว่า วันนี้ได้ลงมาตรวจสอบในเรื่องข้อร้องเรียนต่างๆของชาวบ้าน ทั้งเรื่องถนน ระบบไฟฟ้า และอื่นๆ รวมถึงระบบการบริหารอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ควรทำตามระบบ thai school lunch ที่ต้องเขียนเมนู วางแผนซื้อวัตถุดิบ และให้คณะกรรมการเป็นคนซื้อของ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ทำตามโปรแกรม มีผู้อำนวยการเป็นคนดำเนินการทั้งหมดและมีการทุจริตค่อนข้างชัดเจน หลังจากนี้นายชุมพล ศรีสังข์ ศึกษาธิการจังหวัดสุราษฎร์ธานี จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ก่อนสรุปบทลงโทษผู้อำนวยการรายนี้ ขณะที่ ป.ป.ช.สุราษฎร์ธานี ได้ลงพื้นที่เก็บหลักฐานและพยานบุคคลเพิ่มเติม ทำควบคู่ไปกับกระทรวงศึกษาธิการ
...
พล.ท.โกศลกล่าวอีกว่า เบื้องต้นรับรายงานจากคณะกรรมการสืบสวนว่า จากการตรวจสอบข้อกล่าวหาจากผู้ปกครอง รวม 10 ข้อ นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีต ผอ.บ้านท่าใหม่ มีพฤติการณ์ทุจริตและมีความผิดวินัยร้ายแรง 5 ข้อ คือ 1.โครงการจัดตั้งเสาไฟฟ้า 2.โครงการก่อสร้างถนน 3.โครงการอาหารกลางวัน 4.การขายผลผลิตปาล์มน้ำมัน และ 5.การจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลม โดยเฉพาะเรื่องน้ำอัดลมและขนมขบเคี้ยว บางคนอาจมองเป็นเรื่องเล็ก แต่เรื่องนี้เป็นคำสั่งเด็ดขาด ห้ามมิให้จัดจำหน่าย หรือหาผลประโยชน์จากการจำหน่ายน้ำอัดลม เพราะมีผลต่อสุขอนามัยของเด็ก เป็นความผิดวินัยร้ายแรงด้วย การกระทำของนายสมเชาว์ถือว่าลุแก่อำนาจ รมว.ศึกษาธิการ สั่งกำชับว่าจะต้องดำเนินการทางวินัยร้ายแรง ดำเนินคดีทางอาญา และทางแพ่งให้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับพื้นที่อื่นๆได้อีก
ขณะเดียวกัน นายพล ศรัทโธ ผอ.ป.ป.ช. ประจำ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ยังคงสอบปากคำเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งตรวจเอกสาร พยานหลักฐานเพิ่มเติม อีกทั้งสั่งอายัดสิ่งของและห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในห้องทำงานของนายสมเชาว์ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อหาเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ นายพลกล่าวว่า จากการสอบปากคำพยาน เป็นครูและเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนไปแล้วกว่า 10 ปาก การรวบรวมพยานเอกสารถือว่าเพียงพอ ตอนนี้เราทำงานเพื่อแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยขยายเวลาสอบสวนเพื่อความแน่นหนาของสำนวน แต่จะต้องให้ทันเสนอต่อคณะอนุกรรมการ ป.ป.ช. ภ.8 เพื่อขออนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ภายในวันที่ 25 มิ.ย.นี้