ตัวแทนผู้นำศาสนาเมืองโก-ลก จ.นราธิวาส ร่วมละหมาดฮายัตต่อต้านความรุนแรง เพื่อเรียกร้องความสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 12 เม.ย. 61 ณ บริเวณกีฬามหาราช เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ได้มีตัวแทนผู้นำศาสนาในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 250 คน ภายใต้การนำของ นายอับดุลฮาริม อาแวเต๊ะ โต๊ะครูปอเนาะกรียาดุลซอดิฮีน ต.มูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก ได้ประกอบพิธีละหมาดฮายัต เพื่อเรียกร้องความสันติสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ รวมทั้งเป็นการละหมาดให้กับกลุ่มผู้หลงผิดได้กลับตัวกลับใจ หันกลับมาร่วมกันสร้างความสันติสุข เนื่องจากการใช้ความรุนแรงมีผลกระทบต่อความสูญเสียทั้งในเรื่องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
โดยมีนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ทหารชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ได้ร่วมเดินทางมาสังเกตการณ์ ซึ่งนายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก ได้เป็นตัวแทนภาครัฐในการกล่าวขอบคุณผู้นำศาสนา ที่ตื่นตัวเห็นความสำคัญเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นเสมอมา และขอให้ทุกคนเก็บรักษาความดีนี้ไว้ เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ ปัญหาความรุนแรงจะคลี่คลายไปในทางที่ดีเมื่อทุกฝ่ายให้ความสำคัญ
...
ต่อมา ตัวแทนผู้นำศาสนาได้ร่วมกับตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 500 คน ถือป้ายข้อความภาษาไทยมีใจความว่า อยากให้ภาคใต้สงบสุข หยุดเถอะความรุนแรง, มาช่วยสร้างความสงบ เพื่อลูกหลานเรากันเถิด และป้ายข้อความ สันติภาพเกิดขึ้นได้ด้วยสองมือของเราเอง เดินรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไปตามถนนด้านหน้า อ.สุไหงโก-ลก สำนักงานเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก สิ้นสุดหน้าโรงเรียนสุไหงโก-ลก เพื่อประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ทุกคนเล็งเห็นความสำคัญที่เข้ามาแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น หรือช่วยเป็นหูเป็นตาเจ้าหน้าที่ในการแจ้งเบาะแสหากพบสิ่งผิดปกติ หรือผู้บุคคลต้องสงสัย
ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้น พ.ต.อ.ประยุทธ์ พงศ์สันติ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปแล้วระดับหนึ่ง ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ทำงานสักระยะ ซึ่งอยู่ในระหว่างการนำภาพคนร้ายที่กล้องวงจรปิดที่บันทึกเอาไว้ได้ทั้ง 3 จุด ที่ต้องทำให้มีความคมชัดเพื่อสามารถนำไปเปรียบเทียบกับบุคคลในแฟ้มก่อคดีความมั่นคง รวมไปถึงการตรวจสอบรถจักรยานยนต์ที่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายที่ขี่รถจักรยานยนต์มารับคนร้าย หลังจากขี่รถ จักรยานยนต์ที่ซุกซ่อนระเบิดไปจอดไว้ที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด แต่พบว่า กล้องวงจรปิดบันทึกภาพหมายเลขทะเบียนได้ไม่คมชัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องเสียเวลาในการไล่ดูกล้องวงจรปิดตามถนนเส้นทางต่างๆ ที่กลุ่มคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์แล่นผ่าน แต่สันนิษฐานว่าคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้เป็นคนร้ายกลุ่มเดิมๆ ที่เคยร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ข้างรั้วกำแพงโรงเรียนบ้านสุไหงโก-ลก เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รื้อฟื้นคดีดังกล่าวในการแกะรอยกลุ่มคนร้ายครอบคลุมกับการสืบสวนในเชิงลึกไปด้วย.