"ธนากร" ทายาท 'จึงรุ่งเรืองกิจ' บุกเมืองตรัง ถิ่นนายหัวชวน เผยมาเที่ยว ไม่ได้มาตีเมือง พร้อมหนุนการท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จี้รัฐบาล คสช.ปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองชี้ ประเทศไทยควรมีเสรีภาพในการแสดงออก ความคิด ถือเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐาน...



เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 7 เม.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร หรือเอก จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจกลุ่มไทยซัมมิท ผู้ยื่นจดตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานชายคนโตของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.คมนาคม ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยคณะได้เดินทางมาจังหวัดตรัง ซึ่งไม่มีวาระอย่างเป็นทางการ โดยมีนายณิชเชฎฐ์ นิลสวัสดิ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. จ.ตรัง พรรคเพื่อแผ่นดินและพรรคภูมิใจไทย ประกบคู่คอยให้การต้อนรับ ส่วนนายระลึก หลีกภัย น้องชายของ นายชวน หลีกภัย เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารมื้อเช้าให้กับคณะที่ร้านเลตรัง


ต่อมานายธนาธร พร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปสักการบูชาอนุสาวรีย์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ อดีตเจ้าเมืองตรังและบิดายางพาราของไทยเพื่อความเป็นสิริมงคล และเดินทางต่อสักการะศาลเจ้าท่ามกงเยี๋ย ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวตรังเคารพ พร้อมร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าที่วัดทุ่งหวัง ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง พร้อมพบปะและพูดคุยกับชาวบ้าน ก่อนที่ช่วงบ่ายจะเข้าร่วมประชุมเสวนาการขับเคลื่อนอนาคตเศรษฐกิจ และการเมืองตรัง เพื่อหาทางออกในปัญหาต่างๆ พร้อมวางแผนการทำงานในอนาคตต่อไป ที่ห้องประชุมโรงกาแฟมาเจอนี่ จ.ตรัง โดยมีกลุ่มนักการเมือง ประชาชน ผู้ประกอบการ ฯลฯ ร่วมเข้าร่วมการเสวนา



นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่ผมเริ่มปวารณา เล่นพรรคการเมืองก็ยังไม่เคยลงพื้นที่ต่างจังหวัดเลย ถือเป็นการเพื่อรับฟัง เพื่อเข้าใจปัญหาของท้องถิ่น เพื่อได้พบปะประชาชนในท้องถิ่นจริงๆ เป็นครั้งแรก ได้เรียนรู้อะไรมากมายในรอบ 2 วันที่ผ่านมาตอนนี้เราอยู่ระหว่างกำลังจะขอ คสช. ในการประชุมการตั้งพรรคอย่างเป็นทางการครั้งที่ 1 ซึ่งเราคาดหวังว่า คสช. เขาจะอนุมัติ และน่าจะเริ่มประชุมพรรคครั้งที่ 1 ได้ในปลายเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนมิถุนายน

...

"เมื่อลงมาท้องถิ่นแล้วก็ต้องพูดถึงหนึ่งในนโยบายหลัก คือการกระจายอำนาจท้องถิ่นได้บริหารจัดการตนเอง เมื่อเช้าผมมีโอกาสได้คุยกับผู้ประกอบการในท้องถิ่นซึ่งตนเห็นความคิดสร้างสรรค์เห็นพลังเต็มไปหมดเลย และเชื่อว่าสิ่งที่ท้องถิ่นต้องการกำหนดอนาคตตนเอง สิทธิและเสรีภาพในการในการจัดการตนเองในเรื่องนี้ก็คือจะต้องโอนถ่ายอำนาจโอนถ่ายความรับผิดชอบจากรัฐส่วนกลางไปสู่ท้องถิ่นให้เป็นจริงให้ได้ อันนี้นี้เป็นนโยบายกรอบการทำงานหลักของพรรคเรา" นายธนกรกล่าว 



ผู้สื่อข่าวถามว่า จะถูกมองว่าการเดินทางมา จ.ตรัง ครั้งนี้ มาตีเมืองหลวง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ หรือเปล่า นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอดีที่นี่พร้อมที่สุด เราได้รับเชิญก็เห็นว่าเราก็มีเวลาประจวบเหมาะ ก็เลยมาที่นี่เป็นที่แรก ยังไม่มีพรรคเลยครับ เดี๋ยวมีการจดจัดตั้งพรรคแล้วเราค่อยมาพูดถึงการสรรหาตัวผู้สมัครอีกครั้ง ตนต้องการเรียนรู้ และรับทราบปัญหาจริงๆ ของผู้ประกอบการในภาคใต้ซึ่งการที่เราอยู่ในกรุงเทพฯ เราไม่สามารถเข้าถึงข้อเท็จจริงได้เราไม่สามารถรับฟังเสียงได้ตรงนี้เราคิดว่าเป็นการรับฟังเป็นหลักและพื้นที่จริงๆ มีปัญหาอะไรบ้าง



นายธนาธร กล่าวอีกว่า สำหรับทิศทางของจังหวัดตรัง ถ้าดูถึง GDP ต่อหัวในภาคใต้จังหวัดตรังอยู่ในจังหวัดกลางๆ ซึ่งจังหวัดที่สูงที่สุดในภาคใต้ถือจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดที่มี GDP ต่ำสุดคือนราธิวาส เราจะเห็นได้ว่าจังหวัดตรังเป็นจังหวัดที่มีรายได้ปานกลางถ้าเทียบกับภาคใต้ทั้งหมด ซึ่งเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดตรังคือเศรษฐกิจการเกษตรที่ใหญ่ที่สุด และมีภาคที่สำคัญอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น ภาคการค้าปลีก แต่ภาคที่น่าสนใจที่สุดคือภาคการท่องเที่ยวเป็นภาคธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในจังหวัดตรัง ดังนั้นเราก็อยากจะดูเป็นพิเศษว่าภาคการท่องเที่ยวสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้อย่างไรบ้างก็ต้องเข้ามารับฟังปัญหา 

ส่วนประเด็นถูกมองว่า เป็นหลานชายคนโตของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีคมนาคม สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อันนี้ไม่มีปัญหาเลยครับ ผมไม่ได้คุยกับคุณอามานานแล้วในเรื่องของการเมือง ไม่คิดว่าเป็นประเด็นแต่อย่างใด อันนี้ตนก็ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ ให้เวลาเป็นตัวตอบคำถามดีกว่าครับ



นายธนาธร กล่าวในตอนท้ายว่า ปัจจุบันผมเป็นรองประธานกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท เป็นภาคอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทยซึ่งกำลังจะลาออกในไม่ช้า เมื่อมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่เมื่อมีการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ก็จะลาออกจากการทำงานในสายธุรกิจเพื่อให้เวลาเต็มที่กับการทำงานด้านการเมือง ถึงตรงนี้ ตนอยากจะฝากให้รัฐบาล คสช.ปลดล็อกกิจกรรมทางการเมืองทั้งหมดไม่ว่าจะประชาชนก็ดีกับพรรคการเมืองก็ดี เรากำลังเข้าสู่การเลือกตั้ง ประเทศไทยควรจะมีเสรีภาพในการแสดงออกในการแสดงออกความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน ถ้าไม่มีเสรีภาพไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนและพรรคการเมืองแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะได้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นก็จะไม่สง่างาม.