หมู่เกาะพีพี ภาพรวมฟื้นตัวดีขึ้น แต่อ่าวมาหยาวิกฤติหนัก เหตุนักท่องเที่ยวแห่เที่ยวแน่น ทำแนวปะการังเสื่อมโทรมมาก เสียหายกว่า 80% เสนอเตรียมปิด เพื่อให้ธรรมชาติได้พักฟื้นฟู...

เมื่อวันที่ 6 มี.ค.61 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดรพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาทาง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และนักวิชาการทางทะเล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ลงพื้นที่หมู่เกาะพีพี เพื่อเก็บข้อมูลสำรวจปะการังและพื้นที่ต่างๆ ซึ่งพบว่าหลายพื้นที่มีปะการังฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยเฉพาะเกาะยูง ซึ่งได้มีการประกาศปิดมาต่อเนื่อง เปิดให้เข้าได้เฉพาะการศึกษาวิจัย ส่วนจุดอื่นๆ เช่น อ่าวลิง อ่าวนุ้ย ก็ฟื้นตัวขึ้นมา ขณะที่นักท่องเที่ยวเองก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ให้อาหารปลา 

ส่วนที่ยังน่าเป็นห่วง ซึ่งทาง ดร.ธรณ์ เก็บข้อมูลคือที่อ่าวมาหยา และอ่าวปิเละ เกาะพีพีเล ซึ่งเป็นจุดสำคัญสำหรับการท่องเที่ยวนั้น ยังมีปริมาณนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เฉลี่ยวันละ 200 ลำ หรือประมาณ 4 พันคน ส่งผลให้ปะการังในบริเวณดังกล่าวเสื่อมโทรม ตายถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่ แม้ทางอุทยานฯ จะได้มีการวางทุ่นเข้าออกของเรือแล้วก็ตาม ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ ทาง ดร.ธรณ์ ได้เก็บข้อมูลเพื่อนำเสนอทางกรมอุทยานฯ เป็นข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งกรณีการเสนอปิดอ่าวมาหยาชั่วคราวเพื่อให้เกิดการฟื้นตัวนั้น ทางอุทยานฯ ได้เสนอไปตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งรอทางกรมอุทยานฯ พิจารณา

ส่วนกรณีเปลือกหอยและปะการังจำนวนมาก ที่อ่าวนุ้ย เกาะพีพีดอนนั้น ทางอุทยานฯ ได้เข้าไปเก็บออกทั้งหมดแล้ว และได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้แจ้งไกด์นำเที่ยว แจ้งต่อนักท่องเที่ยวอย่าได้เก็บเปลือกหอยหรือปะการังมาสลักชื่อแล้วนำไปไว้เพิงผา หรือแม้แต่การเก็บออกจากพื้นที่ เพราะจะมีความผิดตามกฎหมาย 

...

ขณะที่ ดร.ธรณ์ ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงการฟื้นตัวของทรัพยากรธรรมชาติในหมู่เกาะพีพีว่าดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังมีอีก 2 แห่งที่ค้างคามาตั้งแต่ต้น แห่งแรกคืออ่าวมาหยา แห่งสองคืออ่าวปิเละ ทั้งสองแห่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก แต่ถ้าจัดลำดับความสำคัญ มาหยาจะมาเป็นอันดับหนึ่ง อุทยานฯ จัดเขตเรือเข้าออก เขตเล่นน้ำ และเขตฟื้นฟูปะการัง แต่เนื่องจากปริมาณเรือเยอะมาก (ร่วม 200 ลำ/วัน) มันจึงยังไม่ได้ผล นั่นคือที่มาของแนวคิด ปิดมาหยา ที่ได้ประชุมกันระหว่างอุทยานฯ กับชาวบ้านหลายรอบ จนใกล้ถึงบทสรุปแล้ว ผมมาหนนี้ได้ข้อมูลเยอะมาก ทั้งทางอากาศ ทางบก และใต้น้ำ รวมทั้งแบบสอบถามและการปรึกษากับผู้ประกอบการพีพี ซึ่งได้ให้ข้อมูลไว้ส่วนใหญ่เห็นด้วยในการปิดมาหยา.