คดีคนร้ายชิงเงินสด4.6 แสน ผู้จัดการปั้มน้ำมัน จ.พัทลุง กลายเป็นเรื่อง'โอละพ่อ' สาวผู้จัดการ ยอมรับ กุเรื่องขึ้นมา หลังถูกสอบเครียดร่วม 5 ชั่วโมง อ้าง เรื่องเงียบจะเอาเงินมาคืนเจ้าของ ตร.ตั้ง 3 ข้อหาหนัก
วันที่ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง นางสาวกชพร บุญหนู อายุ 31 ปี ผู้จัดการปั้มน้ำมันพีที สาขาเขาชัยสน อ เขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ เขาชัยสน ว่า ได้มี 2 คนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ขับ จยย.ประกบ ก่อนถีบ จยย.ล้ม และชิงเอาเงินสด จำนวน 4 แสน 6 หมื่นบาท ที่นางสาวกชพร ผู้จัดปั้มน้ำมัน เตรียมจะนำไปฝากธนาคาร เหตุเกิดบนถนนสายเอเชีย ฝั่งขาขึ้น ท้องที่ หมู่ 1 ต. ควนขนุน อ. เขาชัยสน จ. พัทลุง เมื่อเวลาประมาณ 11 นาฬิกาเศษ ของวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานแวดล้อม และมีการเรียกตัวนางสาวกชพร ผู้จัดการปั้มน้ำมันมาสอบเครียด ที่ สภ.เข้าชัยสน นานร่วม 5 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.–15.00 น. จนนางสาวกชพร ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า กุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด โดยในวันเกิดเหตุ ตนได้แอบเงินไว้ในห้องส่วนตัวที่ปั้มน้ำมัน และแกล้งทำเป็นขี่ จยย.ไปธนาคาร เพื่อฝากเงินของปั้มตามปกติ โดยขับรถวนไปมาถึง 3 รอบ ก่อนจะแกล้งทำเป็นเกิดเหตุ ถูก 2 คนร้าย เข้ามาชิงเงินสดไปทั้งหมด พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุและสอบปากคำตัวเองเเล้วเสร็จในตอนเย็นวันเดียวกัน ผู้จัดการสาวได้ย้อนกลับไปเอาเงินสดที่แอบไว้ในห้องส่วนตัวกลับบ้าน และนำเงินไปใส่ถุงพลาสติก ไปขุดหลุมฝังดินไว้ในสวนยางพารา ข้างบ้าน
นางสาวกรพร ยังให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยว่า ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ที่ทำเพราะไม่พอใจผู้จัดการฝ่ายอีกคนที่ทำงานในปั้ม และตั้งใจว่าพอเรื่องเงียบจะนำเงินมาคืนให้กับเจ้าของปั้ม
...
หลังผู้จัดการสาว ยอมรับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงนำตัวผู้จัดสาวไปตรวจยึดเงินของกลางที่ซ่อนไว้ โดยส่วนหนึ่งได้มีการจ่ายไปแล้ว เหลือที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดกลับคืนมาได้ เบื้องต้น 3 แสน 2 หมื่นบาท
ด้าน พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก ภจว พัทลุง กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบพิรุธหลายอย่าง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดพร้อมได้เรียกตัวผู้จัดการสาวมาสอบปากคำ ทางผู้จัดการจึงยอมรับความจริงในที่สุด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหา แจ้งความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน และแจ้งความอันเป็นเท็จ ซึ่งทำให้ผู้อื่นได้รับโทษ พร้อมเตรียมแจ้งข้อหา ยักยอกทรัพย์ อีกข้อหา หลังจากที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ.