เจ้าอาวาสวัดเขาขุนพนมฝันประหลาด 2 คืนติดกัน ว่าได้พบกับ "พระเจ้าตากสิน" และขุนทหาร ทรงรับสั่งให้ขุดศาสตราประจำพระองค์ที่ถูกฝังใจกลางถ้ำขึ้นมา นำเรื่องปรึกษากรรมการวัด ตัดสินใจลงมือขุด ก็ได้พบกริชโบราณอย่างน่าอัศจรรย์...
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ที่วัดเขาขุนพนม หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช มีการขุดพบกริชโบราณที่เชื่อกันว่าเป็นกริชสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในช่วงสายวันเดียวกัน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ
โดยวัดดังกล่าวตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาขุนพนม พระที่วัดได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่ามีการขุดพบกริชโบราณจริง โดยเจ้าอาวาสเป็นผู้พบ แต่ตัวของเจ้าอาวาสพร้อมพระในวัดจำนวนหนึ่งและชาวบ้าน ได้พากันเดินทางขึ้นไปที่ถ้ำดาดฟ้าของเขาขุนพนม ซึ่งอยู่ห่างจากตัววัดไปราว 200 เมตร เพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนาให้กับกริชเล่มดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวข่าวจึงเดินทางไปที่ถ้ำดาดฟ้า พบว่าเป็นถ้ำขนาดใหญ่ต้องไต่โขดหินใกล้หน้าผา และต้องใช้เชือกไต่ลงไปในถ้ำที่มืด เดินเข้าไปราว 80 เมตร พบว่าคณะสงฆ์และชาวบ้านกำลังสวดมนต์กันอยู่ในถ้ำที่กว้างขวาง จากแสงสว่างของไต้จุดไฟ คาดว่าความกว้างใหญ่ของถ้ำแห่งนี้น่าจะจุคนได้กว่า 1,000 คน มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่อยู่ในถ้ำ มีกริช 2 เล่ม วางอยู่บนผ้าขาว ด้านหน้าของพิธี
...
พระครูปิยคุณาธาร อายุ 40 ปี เจ้าอาวาส ได้นำกริชดังกล่าวมาให้ผู้สื่อข่าวดู พบว่าเป็นกริชยาวประมาณเกือบ 1 ฟุต ทำด้วยเหล็กดำน้ำพี้ผสมสัมฤทธิ์ มีข้อความเป็นอักขระโบราณที่ตัวกริช ด้ามเป็นรูปหัวพญานาค โดยพระครูปิยคุณาธาร เผยว่า ก่อนจะพบกริชดังกล่าว ได้ฝันเห็นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พร้อมด้วยขุนทหารมากมายในชุดนักรบโบราณ มายืนล้อมตัว ขอร้องให้ขุดกริชโบราณซึ่งเป็นศาสตราประจำพระองค์ ที่ถูกฝังอยู่ในถ้ำดาดฟ้า ขึ้นมาแล้วนำไปเก็บไว้รวมกับกริชอีกอันหนึ่งที่มีผู้พบก่อนหน้านี้แล้ว และเก็บเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ของวัด
"โดยในความฝันพระองค์ทรงรับสั่งให้ใช้จอบขุดลงตรงดินใจกลางถ้ำจำนวน 28 จอบ จะพบกริช ซึ่งกริชทั้งคู่เป็นกริชประจำพระองค์ ที่ถูกฝังอยู่กว่า 200 ปี ขณะพระองค์ท่านเสด็จประทับที่ถ้ำแห่งนี้และช่วยทำบุญถวายให้พระองค์และขุนทหารด้วย หลังจากนั้นมีไฟลุกรายรอบร่างกายของอาตมา"
พระครูปิยคุณาธาร เล่าต่อว่า คืนต่อมาก็ฝันเหมือนเดิมอีก และไม่สามารถที่จะข่มตาหลับลงได้ มีความรู้สึกว่าจีวรร้อนระอุเหมือนถูกเผาตลอดทั้งคืน แม้จะออกจากกุฏิไปสรงน้ำหลายครั้ง ก็ไม่อาจทุเลาความร้อนดังกล่าวได้ รอจนฟ้าสางจึงเล่าความฝันให้พระในวัด และกรรมการวัดทราบ จึงตัดสินใจพากันไปขุดดินที่เป็นดินผสมหินปูนใจกลางถ้ำ เมื่อขุดลึกลงไปได้ 28 จอบ ก็พบกริชดังกล่าวเหมือนในความฝัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก หลังพบกริช จึงได้ทำพิธีสวดมาติกา บังสุกุล อุทิศส่วนกุศลให้กับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและบรรดาขุนทหารของพระองค์ท่าน
เจ้าอาวาสวัดเขาขุนพนม กล่าวด้วยว่า ปกติไม่เคยเชื่อในเรื่องของไสยศาสตร์และความลี้ลับ ถือได้ว่าเป็นพระรุ่นใหม่รูปหนึ่ง สำเร็จการศึกษารัฐศาสตร์บัณฑิต และผ่านการเรียนในหลักสูตรด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ มาหลายสาขา ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเรื่องอาถรรพ์ ก่อนหน้านี้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการพระเทพวินยาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนได้รับการแต่งตั้งมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องเหลือเชื่อ แม้ว่าวัดแห่งนี้จะมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับองค์พระเจ้าตากสินมหาราชมากมาย แต่ไม่เคยคาดฝันว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น สำหรับกริชที่พบจะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ของกรมศิลปากรทราบเพื่อมาตรวจสอบ และจะได้เชิญผู้เชี่ยวชาญมาดูเพื่อพิสูจน์ว่ากริชนี้สร้างในสมัยใด มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่จากตัวอักษรที่จารึกบนตัวกริชคาดว่าน่าจะเป็นภาษาลังกา โบราณ
...
ด้านนายกล่อม พลพันธุ์ อายุ 94 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 3 ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช กรรรมการวัดและเป็นผู้สูงอายุของชุมชนเขาขุนพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด สมัยเด็กวิ่งเล่นอยู่ที่วัดและภูเขาขุนพนม สมัยเด็กปู่ย่าตายายพ่อแม่ต่างเล่าให้ฟังว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงมาสิ้นพระชนม์ที่ถ้ำดาดฟ้าเขาขุนพนม ไม่ใช่ในเมืองกรุง มีหลักฐานปรากฏและสามารถพิสูจน์ได้อยู่ที่วัด ในถ้ำ และบริเวณภูเขานี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ เพชรนิลจินดา ของมีค่าโบราณ พอโตขึ้นได้ศึกษาประวัติศาสตร์ พบว่าประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่เรียน มานั้น กับสิ่งที่ได้พบเห็นด้วยตัวเอง บรรพบุรุษบอกเล่าถ่ายทอดให้ฟัง กับหลักฐานต่างๆ มากมาย น่าจะไม่ตรงกัน ตนและคนจำนวนมากในนครศรีธรรมราช เชื่อว่าพระองค์เสด็จสวรรคตที่นี่ และพระองค์ทรงเป็นพระราชต้นตระกูลเจ้าผู้ครองเมืองนคร เมืองสิบสองนักษัตริย์แดนใต้ ต้นกระกูล ณ นคร และตระกูลสายสัมพันธ์จำนวนมาก
ต่อมานายนิธิศพงษ์ หรือฟ้าใส ฤกษ์โสภี อายุ 46 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านเลขที่ 40/4 หมู่ 3 ต.เชิงกลัด อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ปัจจุบันมาถวายตัวเป็นศิษย์วัด ได้นำผู้สื่อข่าวเดินตรวจดูหลักฐานต่างๆ ที่ปรากฏในวัด ในถ้ำและเชิงเขา พบว่าทางขึ้นวัดต้องขึ้นวัดด้านทิศตะวันออก ต้องขึ้นบันได 245 ขั้น ข้างบันไดเป็นรูปปั้นพญานาคตลอดทั้งสองข้าง ก่อนจะพบศาลาเก่าแก่ ซึ่งนายนิพงศพงษ์ กล่าวว่า เป็นศาลาที่เชื่อกันว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงผนวชที่ศาลาแห่งนี้ และพบศาลาอีกหลังที่อยู่ใกล้กัน เชื่อกันว่า พระองค์ท่านทรงใช้เป็นสถานที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน
นอกจากนั้นผู้สื่อข่าวได้พบกับ อุบาสิกาแดง อภัยโรจน์ อายุ 80 ปี ภูมิลำเนาเดิมอยู่ ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งบวชชีอยู่ที่วัดแห่งนี้กว่า 20 ปีแล้ว เพื่อปฏิบัติธรรมถวายแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ร่วมกับญาติโยมชาวนครศรีธรรมราชอื่นๆ ที่เชื่อว่าสถานที่นี้คือสถานที่สุดท้ายในการดำรงพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน และพบว่าภายในวัดและเขตปริมณฑลของวัดมีผู้คนจำนวนมากกระจัดกระจายกันปฏิบัติธรรม เมื่อสอบถามต่างให้คำตอบคล้ายกันคือปฏิบัติธรรมถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกันเกือบทั้งสิ้น.
...