ปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ที่เป็นต้นทางของกระบวนการยุติธรรมยังมีให้เห็นอยู่เนืองๆ

สร้างความเจ็บช้ำให้ชาวบ้านตาดำๆ ใครหัวอ่อนก็ปล่อยเลยตามเลย แต่คนที่ไม่ยอมก็ลุกขึ้นมาสู้?

อย่างกรณี น.ส.อินทิรา ชื่นเรณู อายุ 39 ปี พาลูกชาย นายชานน มณีรัตน์ อายุ 16 ปี อยู่ในสภาพนั่งรถวีลแชร์ เดินทางเข้าร้องเรียนตำรวจกองปราบปรามช่วยตามจับกุม นายกิตติพงศ์ สังข์แก้ว อายุ 20 ปี มือปืนตัวต้นเหตุทำให้ลูกชายที่สุขภาพแข็งแรงเป็นนักกีฬาวิ่งของโรงเรียนต้องกลายเป็นคนพิการ

ยิ่งฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ให้ความรู้สึกว่า มันไร้เหตุสิ้นดี?!?

แม่ที่ดิ้นรนสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ลูกชาย เผยว่า เมื่อช่วงดึกวันที่ 5 ก.ค.58 ประมาณ 2 ปีมาแล้ว ขณะลูกชายที่อายุพียง 14 ปีขี่รถ จยย.ไปหาเพื่อนที่บ้านย่านตลาดใน ต.ปากแพ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ยืนคุยกันอยู่ดีๆ มีวัยรุ่น 5-6 คนขี่รถ จยย.ผ่านมา แล้วจอดรถเอ่ยปากขอบุหรี่ แต่ลูกชายบอกไปว่าไม่มีบุหรี่ มีแต่ใบจาก...

เหลือเชื่อที่คำตอบแสนจะธรรมดาแบบนี้ ทำให้นายกิตติพงศ์ ไม่พอใจ?

ชักปืนออกมาจ่อยิงนายชานนทันที 1 นัด เดชะบุญ กระสุนด้าน!

แต่นายกิตติพงศ์รีบยิงซ้ำ คราวนี้กระสุนทำงานพุ่งตรงเข้าที่ท้องด้านขวาตัดเส้นประสาททำให้พิการตั้งแต่นั้น

หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ออกหมายจับนายกิตติพงศ์ 3 ข้อหา ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

แต่หลังจากนั้นเรื่องราวของมือปืนรายนี้เงียบไป...จนมีข่าวกระเซ็นกระสายมาว่า ผู้ต้องหาเป็น “เด็กนาย” ?

หรือถ้าพูดแบบชาวบ้านว่า มีผู้ใหญ่คุ้มกะลาหัว ทำให้ตำรวจไม่กล้า หรือไม่ยอมตามจับกุมตัวมาลงโทษ ทั้งที่เหยื่อเข้าร้องเรียนหลายหน่วยงาน รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม จ.นครศรีธรรมราช?

...

หลังจากเรื่องมาถึงกองปราบปรามเพียงวันเดียว มือปืนรายนี้รีบแจ้นไปมอบตัวที่ สภ.ทุ่งสง ทันที

เหมือนนกรู้ว่า ถ้ากองปราบปรามจับได้จะต้องถูกรีดข้อมูลอีกหลายเรื่อง

ที่สงสัยอีกเรื่องคือ เพื่อนในกลุ่มวันเกิดเหตุถูกตั้งข้อหาดำเนินคดีหรือยัง?

งานนี้ทำให้สุดเน้อ...อย่าให้ผู้เสียหายเค้าโวยวายอีก....


สหบาท