เจ้าหน้าที่ จ.ขอนแก่น ปิดห้องประชุม หาทางออกกรณี ด.ญ.4 ขวบโดนลักพาตัว สรุปให้ทำตามข้อตกลงเดิมคือ ให้เด็กอยู่กับครอบครัวที่เลี้ยงดูอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ไปก่อน และให้แม่จริงไปเยี่ยมเพื่อสร้างความคุ้นเคย ก่อนรับมาอยู่ด้วยกันที่บ้าน...
หลังจากที่ช่วงเช้าวันที่ 12 พ.ย.58 นางกัลย์สุดา สำแดง อายุ 30 ปี แม่แท้ๆ ของ ด.ญ.วัย 4 ขวบ ที่ถูกลักพาตัวนำไปเลี้ยงไว้ที่อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ และนายสมบูรณ์ สำแดง อายุ 76 ปี ปู่ ชาวบ้านดอนบม ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้เอาชื่อของเด็กไปเข้าในทะเบียนบ้านตัวเอง เพื่อเตรียมที่จะรับตัวเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเขื้อไขของตัวเองกลับมาเลี้ยงที่บ้าน โดยที่ก่อนหน้านี้ มีข้อตกลงกับปู่ย่าตัวปลอม ที่ จ.ชัยภูมิ ว่าจะช่วยกันดูแลเด็กไปก่อน จนกว่าเด็กจะพร้อม
ต่อมา ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว ได้รับการเปิดเผยทางโทรศัพท์จาก นายปิยิน ตลับนาค นายอำเภอเมืองขอนแก่นว่า ขั้นตอนการเอาชื่อเข้าทะเบียนบ้านนั้น หากมารดาหรือบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย มีใบรับรองการเกิดจากโรงพยาบาล ที่มารดาคลอดบุตร และใบสูติบัตร จากเทศบาลหรือท้องที่ที่แจ้งเกิด ออกให้ มีเจ้าบ้านตัวจริงรับรอง ก็ถือว่าถูกต้องสมบูรณ์ ซึ่งในกรณีนี้ ทุกอย่างถูกต้องตามกระบวนการ จึงไม่มีปัญหา
ส่วนความเคลื่อนไหวของทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กและสตรี ได้มีการประชุมร่วมกัน เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมแก่นเงิน รพ.ศูนย์ขอนแก่น โดยมีนายประณต จันทร์ศรี พมจ.ขอนแก่น เป็นประธานการประชุม มทีมสหวิชาชีพ คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก จ.ขอนแก่น พร้อมเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ศูนย์พึ่งได้ รพ.ศูนย์ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ยุติธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยห้ามสื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพในห้องประชุม
...
จากนั้นเวลา 16.30 น. การประชุมเสร็จสิ้น นายประณต เปิดเผย ว่า เป็นการประชุมหลังจากมีข้อสรุปจากการนำสองครอบครัวไปพบกันที่จ.ชัยภูมิ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้นำข้อมูลภาพรวมทั้งหมดมาสรุปในครั้งนี้ ว่า ให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ในคราวที่พบกัน คือช่วยกันดูแลเด็กไปก่อน แม่จริงๆ สามารถเดินทางไปเยี่ยมลูกได้ตลอด เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับลูกตัวเอง เมื่อลูกคุ้นเคยและพร้อม ก็รับกลับขอนแก่นได้ทันที และหากทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นแล้ว มีปัญหาอุปสรรคใดๆ ก็ตาม เจ้าหน้าที่พร้อมจะให้คำปรึกษาและช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพราะทุกคนหวังให้ลูกกลับมาสู่อ้อมอกแม่โดยเร็วเช่นกัน.