รองอธิบดีกรมป่าไม้ ลงพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติภูพาน หลังรับร้องเรียนมีกลุ่มนายทุนบุกรุกป่า ถึงกับตะลึงมีการแผ้วถางป่า ทำถนน ตัดไม้เตรียมปลูกยาง มันสำปะหลังมากถึง 950 ไร่ รู้ตัวคนบุกรุกแล้ว 38 ราย เตรียมแจ้งความดำเนินคดี ทำลายสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดไม่เว้น...
เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2555 ดร.วิทูรย์ ชลาชนนาวิน รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า และอาสาสมัคร 50 นาย เข้าตรวจสอบป่าดงชมพูพาน และป่าดงกระเชอ เขตบ้านกกแต้ หมู่ 6 บ้านจัดระเบียบ หมู่ 7 และบ้านน้อยโนนสวรรค์ ต.หลุบเลา อ.ภูพาน จ.สกลนคร ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูพาน หลังได้รับการร้องเรียนว่ามีกลุ่มนายทุนเข้าบุกรุกป่าดังกล่าว โดยการแผ้วถางป่า ตัดต้นไม้ เพื่อปลูกยางพารา และปลูกมันสำปะหลังอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 4-5 ปี จนต้นยางพารามีขนาดโตจนกระทั่งกรีดได้แล้ว
นอกจากนี้กลุ่มนายทุน ยังใช้ยาฆ่าหญ้ากำจัดวัชพืช ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ต้องระมัดระวังในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ เนื่องจากสารเคมีตกค้างและไหลลงสู่ลำห้วยหล่ม ซึ่งเป็นลำน้ำสายหลักที่จะไหลลงสู่ลำน้ำพุง ลงไปสู่หนองหาร สารเคมีดังกล่าวเป็นอันตรายต่อทั้งคนและสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์น้ำจะตายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 2 ซึ่งไม่สามารถที่จะไปบุกรุก หรือออกเอกสารสิทธิใดๆได้ ยกเว้นสปก.4-01 แต่กลับพบว่าพื้นที่บุกรุกทั้งหมดอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ห่างจากหมู่บ้านจัดระเบียบ ต.หลุบเลา อ.ภูพาน เข้าไปในป่าลึก และอยู่บนสันเขาบนเทือกเขาภูพาน ถูกแผ้วถางจนโล่งเตียนเป็นวงกว้าง คิดเป็นพื้นที่จำนวน 950 ไร่ บางต้นถูกใช้ขวานฟันโดยรอบเพื่อให้ต้นไม้ยืนต้นตาย
...
ทั้งนี้ ยังพบว่า ผู้บุกรุกทั้งหมดมีจำนวน 38 ราย เป็นคนในพื้นที่ครึ่งหนึ่ง และเป็นคนนอกพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ขณะนี้ทราบชื่อทั้งหมดแล้ว และเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดี แต่ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในพื้นที่ไม่พบผู้อยู่ในพื้นที่แต่อย่างใด พบเพียงบ้านเรือนและกระท่อมนากระจายอยู่เต็มบริเวณ นอกจากนี้ยังพบว่า มีการตัดถนนในบริเวณเขาเพื่อทะลุหากัน
ดร.วิทูรย์ เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียน จึงนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และพบว่ามีการบุกรุกจริง ซึ่งจะได้ตรวจสอบอีกครั้งเพื่อแจ้งความดำเนินคดี โดยจะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายเรียกมาทำการสอบสวน หากผู้บุกรุกให้การว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าหากรายใดบอกว่ามีการปลูกต้นยางพาราต้องถูกดำเนินคดี ตามพรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 54-55 เป็นการฝ่าฝืนมติ ครม.ที่กำหนดให้เป็นพื้นที่ลุ่มน้ำ จะต้องดำเนินการตามมาตร 25 สำหรับพื้นที่ที่มีการบุกรุกแล้ว โดยให้เร่งเข้าฟื้นฟูสภาพป่าโดยเร็วที่สุด และจะต้องนำรถแบ็คโฮ เข้าทำลายเส้นทางต่างๆที่จะใช้ลำเลียงสิ่งของเข้าไปกระทำผิด พร้อมทั้งทำลายสิ่งปลูกสร้างที่มีอยู่ทั้งหมด