ผู้อำนวยการ มจร.อุบลราชธานี แจงภาพโครงการจัดอบรมที่ถูกแชร์ในโซเชียล ยืนยันไม่ได้เนื้อหาการชักชวนให้นิสิตไปลงทุน

วันที่ 22 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่โลกโซเชียลแชร์เรื่องราวเกี่ยวกับ "แชร์แครอท" ที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ในภาคอีสาน ถูกหลอกลงทุนเทรด และได้มีการกล่าวถึง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่อบรมแชร์ดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงไปยัง พระครูพิมลสุตบัณฑิต ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี (มจร.อุบล) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 เป็นกิจกรรมพัฒนาศักยภาพนิสิตและเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ประจำปีงบประมาณ 2561 ภายในงานแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเป็นเรื่องการ "เกษตรอินทรีย์ปลอดสารแบบยั่งยืนทางรอดของเกษตรกรไทยในศตวรรษที่ 21"

ช่วงบ่ายเป็นการบรรยายพิเศษ ในหัวข้อเรื่อง "กระบวนทัศน์เชิงธุรกิจและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21" ณ ศาลาปฏิบัติธรรม วิทยาเขตอุบลราชธานี ซึ่งในหัวข้อที่ 2 เป็นหัวข้อที่ศิษย์เก่าของทาง มจร. เองเสนอตัวให้ ดร.ภานุวัชร เข้ามาบรรยายให้แก่นิสิตฟัง ทั้งนี้ในการร่วมกิจกรรมมีนิสิตที่เป็นฆราวาส และสงฆ์รวมอยู่ด้วยประมาณ 20-30 คน ในหัวข้อนี้ไม่ได้มีการชักชวนให้มีการลงทุนแต่อย่างใด เป็นเพียงแนวทางในการสร้างอาชีพหากนิสิตคนใดอยากประกอบอาชีพหลังจากลาสิกขา หรือจบการศึกษาไปแล้ว

...

พระครูพิมลสุตบัณฑิต ยังเปิดเผยอีกว่า เรื่องของการชักชวนลงทุนก่อนหน้าจะเป็นข่าว ก็ทราบมาบ้างแต่ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการชักชวนญาติโยมไปร่วมลงทุน เริ่มต้นประมาณ 2,000 บาท และก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากถามว่าพระสงฆ์มีหรือไม่ ก็ต้องยอมรับว่ามีแต่น้อย รายละไม่กี่พันบาทแล้วก็เงียบหายไป ส่วนประเด็นล่าสุดตอนนี้ยังไม่พบผู้เสียหาย หรือรายงานมาในวิทยาลัย หากเป็นสงฆ์รุ่นที่เข้าร่วมกิจกรรมตอนนี้น่าจะลาสิกขาหมดแล้ว ผลกระทบตอนนี้ยังไม่มีหากมีประเด็นสงสัย ตนเองก็พร้อมจะอธิบายให้ทราบ

ด้านพระมหาอุดมศักดิ์ อายุ 36 ปี นักวิชาการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตอุบลราชธานี หนึ่งในผู้ที่เข้าร่วมอบรมในโครงการดังกล่าว เล่าว่า โครงการที่จัดครั้งนั้นเป็นโครงการที่ให้นิสิตของวิทยาลัยเข้าร่วมกิจกรรมทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย ซึ่งมีทั้งนิสิตที่เป็นฆราวาสและพระสงฆ์ที่เรียนร่วมกัน ในภาคบ่ายก็เป็นเรื่องของเทคโนโลยีว่าอนาคตจะหาเงินได้จากที่ไหนบ้าง

เราก็รับฟังสิ่งไหนที่ดีก็รับฟังสิ่งไหนไม่ดีก็ไม่ได้สนใจ แต่วันนั้นไม่ได้มีการชักชวนในการลงทุนแต่อย่างใด ส่วนผู้ที่เสียหายก็จะเป็นในรูปของการที่มีโยมไปตามวัดชวนพระมาลงทุนมากกว่า เช่นจะมีกลุ่มบริษัทชักชวนโยมมาร่วมลงทุน ขณะที่โยมก็รู้จักกับพระก็จะไปชวนพระร่วมลงทุนต่อ หากครูบาอาจารย์วัดไหนมีพระหนุ่ม มีลูกศิษย์ที่รู้ทันก็จะห้ามได้ทันแต่บางรูปไม่รู้ก็เสียท่าไป.