พบแล้ว 1 ศพ คนงานชาวเมียนมาสังเวยอุโมงค์ถล่มนั่งอยู่ข้างล้อหน้ารถดัมพ์ร่างไม่ถูกหินหรือดินทับ แพทย์ตรวจคาดขาดอากาศหายใจ ส่วน “อนุทิน” เร่งเครื่องค้นหาผู้สูญหายอีก 2 คน เป็นวิศวกรและคนงานชาวจีน พบร่างที่ 2 อยู่ห่างออกไป 4 เมตร แจงเครื่องจับความเคลื่อนไหวที่ตรวจพบไม่ใช้คำว่า “สัญญาณชีพ”เรียกว่าสแกนแล้วมีความเคลื่อนไหว (Movement)ของวัตถุ

ทีมกู้ภัยระดมกำลังค้นหาผู้สูญหาย 3 คน ในอุโมงค์รถไฟความเร็วสูง คลองไผ่ถล่ม ช่วงคลองขนานจิตร ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่อยู่ระหว่างก่อสร้างในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ผ่านมาแล้ว 5 วัน พบสัญญาณชีพส่งสัญญาณเคาะแล้วมีเสียงตอบกลับ เป็นจุดจอดรถดัมพ์มีคนงานเมียนมาเป็นคนขับ แต่ติดอุปสรรคมีก้อนหินขวางก่อนส่งอุปกรณ์เข้าไปทำลายและขุดดินช่วยเหลือ ส่วนอีก 2 รายอยู่ใกล้กันยังเข้าไปไม่ถึง พนักงานชาวจีนใช้เครื่องเจาะกระแทกดำเนินการเจาะหินในแนวเฉียงประมาณ 45 องศา เจาะลึกประมาณ 1 เมตร จากจุดที่คาดว่าจะมีผู้ประสบภัยตามที่เครื่องสแกนตรวจพบสัญญาณชีพใต้ก้อนหินในความลึก 1.8 เมตร คงเหลือประมาณ 0.8 เมตร ใช้กำลังคนขนย้ายเศษหินจากที่แคบ และใช้รถขุดตักไฮโดรลิกปรับเกลี่ยหินไว้ด้านข้างอุโมงค์ และเพิ่มการติดเครื่องตรวจจับการทรุดตัว (survey) บริเวณเพดานและผนังอุโมงค์ สำหรับวัดระดับการเคลื่อนตัวของผนังอุโมงค์ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้แก่ผู้ปฏิบัติงาน ขณะยังไม่มีสัญญาณการเคลื่อนตัวของผนังโครงสร้างแต่อย่างใด

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 29 ส.ค.นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผวจ.นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันพบร่างแรงงานรายแรกที่ติดอยู่ภายในอุโมงค์เสียชีวิตแล้ว เบื้องต้นทราบว่าเป็นแรงงานชาวเมียนมาไม่ทราบชื่อ ทีมกู้ภัยนำศพแรงงานชาวเมียนมาออกมาจากอุโมงค์แล้ว และนำศพส่งไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอย่างละเอียด ทั้งนี้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติการช่วยเหลือคนงานทั้ง 3 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งจากปัญหาดินสไลด์ลงมาจากด้านบนอุโมงค์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องใช้เวลาขุดดินนานขึ้น รวมถึงมีก้อนหินขนาดใหญ่ขวางทางขุด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังคงทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งค้นหาคนงานที่เหลือติดอยู่ภายในอุโมงค์อีก 2 คน

...

ต่อมาเวลา 13.10 น. ที่ห้องเก็บศพ โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตำรวจจราจร สภ.เมืองนคร ราชสีมา นำขบวนรถพยาบาลเคลื่อนย้ายศพแรงงานชาวเมียนมาห่อคุมผ้ายางสีส้มลงจากรถตู้แล้วนำเข้าห้องเก็บศพ เพื่อผ่าชันสูตรศพต่อไป

ขณะที่นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ หัวหน้าสำนักงานผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทีมกู้ภัยของการรถไฟฯและทีมกู้ภัยHunan Sunshine จากประเทศจีน พบคนงานคนแรกที่ติดอยู่ในอุโมงค์เสียชีวิตแล้ว การรถไฟฯขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง และพร้อมเยียวยาให้ความช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ ทั้งนี้นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม ให้กำลังใจทีมงานกู้ภัยทุกคนขอให้อดทนและใช้ความระมัดระวังเน้นความปลอดภัยในการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือคนงานอีก 2 ราย ขณะเดียวกัน มอบหมายให้การรถไฟฯ ตั้งศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่เกิดเหตุ และจัดเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในทุกด้านประจำการที่ศูนย์ประสานงานฯ ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตลอดจนให้รายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

ต่อมาเวลา 14.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เดินทางมาบริเวณอุโมงค์รถไฟเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ จากนั้นนายอนุทินเปิดเผยว่า พบร่างผู้ประสบภัยรายแรกแล้ว ยืนยันทางการแพทย์เสียชีวิต ตามหลักการต้องส่งร่างไปชันสูตรที่ รพ. เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3-4 วัน ลักษณะนั่งพิงล้อรถยนต์ด้านนอกตัวรถฝั่งล้อหน้าขวา ร่างไม่ได้ถูกหินและดินกดทับ คาดว่าขณะอุโมงค์ถล่มผู้ตายอยู่ในรถ จากนั้นออกมาจากรถหาที่หลบจนขาดอากาศหายใจ

เมื่อถามว่าตอนนี้ยังพบสัญญาณชีพหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เครื่องจับจากการเคลื่อนไหวของวัสดุ ดินขยับตัวก็เป็นวัตถุ แม้กระทั่งผู้เสียชีวิตทำไมยังจับได้ว่ายังขยับอยู่ แพทย์แจ้งว่าผู้ประสบภัยเสียชีวิตร่างจะบวม การขยายตัวของเส้นเลือดและกล้ามเนื้อมีการขยับตัวเป็นความเคลื่อนไหวที่เครื่องจับได้ ขณะนี้ตกลงกันใหม่แล้วว่าจะไม่ใช้คำว่า “สัญญาณชีพ” เรียกว่าสแกนแล้วมีความเคลื่อนไหว (Movement) จะวัดจากตรงนั้น

นายอนุทินเผยอีกว่า อุปสรรคใหญ่การเข้าไปช่วยเหลือก็เหมือนเดิม ทีมวิศวกร คนงาน แม้กระทั่งแพทย์หรือทีมกู้ภัยที่เข้าไปต้องอยู่ใต้โครงสร้างชั่วคราวต้องให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ส่วนผู้ประสบภัยอีก 2 คน ขณะนี้ยังไม่พบร่าง ยังถือว่ามีชีวิตอยู่ต้องหาให้เจอ รายที่ 2 ห่างออกไป 4 เมตรต้องขุดเข้าไป ถ้าไม่เจอต้องหาทางด้านซ้ายและขวา สแกนบน-ล่าง ส่วนทางด้านคดีตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวน

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่