"นครราชสีมา" น้ำมูลดำสนิท ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง เดือดร้อน 10 หมู่บ้าน ไม่มีน้ำกินน้ำใช้-ทำการเกษตร ชาวบ้านโวย-จี้ผู้ว่าฯ จัดการปัญหาเด็ดขาด หลังทราบตัวการแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า 

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 67 นายอภิชา เลิศพชรกมล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขต 10 พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย นายวีระชาติ จิตรพิทักษ์เลิศ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งอรุณ พร้อมผู้นำชุมชนในพื้นที่ ลงสำรวจลำน้ำมูลช่วงที่ไหลผ่าน 8 หมู่บ้านของตำบลทุ่งอรุณ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่า น้ำภายในลำน้ำมูลมีสีดำคล้ำ เกิดกลิ่นเหม็น จนไม่มีใครกล้าที่จะนำมาอุปโภคบริโภค รวมถึงเพื่อใช้ในการเกษตร ซึ่งเหตุการณ์นี้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 67 แต่มาถึงจุดรุนแรงที่สุดจนไม่สามารถนำน้ำมาใช้ได้ในวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา

จากการลงพื้นที่ พบว่าน้ำภายในลำน้ำมูลตั้งแต่บ้านใหม่ริมมูล หมู่ที่ 14 ต.ครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ต่อเนื่องผ่าน 8 หมู่บ้านของ ต.ทุ่งอรุณ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งประกอบไปด้วย บ้านโกรกน้ำใส หมู่ที่ 2, บ้านหนองปรึก หมู่ที่ 4, บ้านสะแกกรอง หมู่ที่ 5, บ้านโค้งกระโดน หมู่ที่ 6, บ้านทุ่งอรุณ หมู่ที่ 8, บ้านโนนปอแดง หมู่ที่ 9, บ้านหนองทองคำ หมู่ที่ 10 และบ้านใหม่หัวสะพาน หมู่ที่ 16 ระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร เกิดมีน้ำเสียสีดำสนิทคล้ายกับน้ำมันดิบ กลิ่นเหม็นคลุ้งกระจายเต็มลำน้ำ บรรดาปลาเล็กปลาน้อยต่างกำลังลอยหายใจอยู่บนผิวน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก โดยเฉพาะบ้านโค้งกระโดน หมู่ที่ 6 และบ้านใหม่หัวสะพาน หมู่ที่ 16 ซึ่งต้องใช้น้ำภายในลำน้ำมูลแห่งนี้ผลิตประปาส่งจ่ายให้ชาวบ้านเกือบ 300 หลังคาเรือน ไม่สามารถนำน้ำมาเข้าสู่กระบวนการผลิตประปาได้ รวมไปถึงพื้นที่การเกษตรของเกษตรกรทั่วพื้นที่ที่อยู่ติดกับลำน้ำแห่งนี้ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะสูบน้ำขึ้นมารดผลผลิตทางการเกษตร เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะข้าวนาปีของเกษตรกร ที่กำลังต้องการน้ำในช่วงนี้มากเป็นพิเศษ

...

จากการสอบถาม นายพร้อม ช้อนกระโทก อายุ 65 ปี ชาวบ้านโค้งกระโดน ที่อาศัยอยู่ติดกับลำน้ำมูล เล่าว่า เหตุการณ์น้ำมีสีและกลิ่นผิดปกติ เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 67 และหายไปช่วงหนึ่งก่อนจะมาเริ่มเกิดปัญหาใหม่ และหนักขึ้นกว่าเดิม เมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา จนมารุนแรงที่สุดคือ สีน้ำดำสนิท ส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งทั่วบริเวณจนแทบทนไม่ได้ หมู่บ้านก็ไม่สามารถดึงน้ำขึ้นมาใช้ทำการประปาได้ ชาวบ้านต้องใช้น้ำที่เก็บสำรองเอาไว้ ก่อนที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งอรุณ จะนำรถบรรทุกน้ำของ อบต. รวมถึงประสานจากทางโรงงานใกล้เคียง นำน้ำจากแหล่งอื่นมาเติมในถังประปา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น แต่ภาคการเกษตรโดยเฉพาะข้าวนาปี ที่ตอนนี้กำลังต้องการน้ำเป็นอย่างมาก ไม่สามารถใช้น้ำจากลำน้ำแห่งนี้ได้เลย เพราะชาวบ้านเกรงว่าผลผลิตที่กำลังเจริญงอกงามจะเสียหาย เพราะไม่รู้ว่าในน้ำนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่งเชื่อว่าปัญหาน้ำเสียดังกล่าว น่าจะเกิดจากโรงงานที่อยู่ด้านบนปล่อยน้ำเสียลงมา จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเข้ามาแก้ไขปัญหานี้เป็นการเร่งด่วนด้วย

ด้าน นายอภิชา เลิศพชรกมล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา เขต 10 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ลำน้ำมูลถือเป็นหัวใจของพี่น้องชาว อ.ครบุรี และ อ.โชคชัย ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อการเกษตร และการดำรงชีวิตประจำวันมาตลอดหลายช่วงอายุคน แต่เมื่อมีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาก่อสร้างในพื้นที่ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องของมลภาวะต่างๆ เกิดขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องน้ำเสียนั้นเกิดขึ้นบ่อยครั้งเป็นพิเศษ เนื่องจากมีโรงงานที่มาก่อสร้างติดกับลำน้ำมูลปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำน้ำ และบริเวณนี้เริ่มเกิดปัญหาขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค. 67 และรุนแรงขึ้นจนพี่น้องประชาชนเดือดร้อนจนทนไม่ได้ ตอนนี้ไม่สามารถใช้น้ำอุปโภคบริโภคได้เลย กระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวบ้านโดยตรง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน รวมถึงโรงงานที่เป็นต้นเหตุก็ควรออกมาแสดงความรับผิดชอบ รวมถึงแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและจริงใจ

"ส่วนตัวแล้ว ตนต่อสู้กับปัญหาโรงงานติดลำน้ำปล่อยน้ำเสียงลงลำน้ำธรรมชาติมาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่เห็นการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังจากทางภาครัฐ รวมถึงโรงงานเองก็ไม่มีความรับผิดชอบ จึงอยากเรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ที่เป็นพ่อบ้านพ่อเมือง เรียกหน่วยงานราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ใครทำผิดก็ควรมีบทลงโทษที่จริงจัง ไม่ใช่ว่าปล่อยเรื่องราวยืดเยื้อชักช้า กว่าจะมีบทลงโทษอีกนาน และไม่รู้ว่าลงโทษจริงไม่จริง เพราะหลังข่าวซาเรื่องก็เงียบหายตลอด อย่างกรณีนี้ทราบว่ามีการสั่งการให้ทางหน่วยงานรับผิดชอบทั้งอุตสาหกรรมจังหวัดและสำนักงานสิ่งแวดล้อมพื้นที่ ลงตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว รวมถึงรู้ตัวโรงงานที่กระทำความผิดแล้ว มีการรับผิดจริง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร จะเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือไม่ ดังนั้นจึงอยากให้จริงจังในเรื่องนี้ด้วย" นายอภิชา กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีปัญหาน้ำเสียสีดำสนิทคล้ายน้ำมันดิบและมีกลิ่นเหม็นดังกล่าว เริ่มเกิดขึ้นรุนแรงตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ส.ค. 67 ซึ่งหลังเกิดเหตุมีชาวบ้านร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน จนทางเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 11 (นครราชสีมา) และกรมเจ้าท่า ร่วมลงตรวจสอบร่วมกับทาง อ.ครบุรี และ อ.โชคชัย พร้อมกับเรียกตัวแทนโรงงานในพื้นที่มาร่วมชี้แจง ซึ่งเบื้องต้นมีโรงงานแป้งมันสำปะหลังแห่งหนึ่งใน อ.ครบุรี ยอมรับว่าเกิดมีน้ำที่เจือปนขี้เถ้าที่ทางโรงงานบดอัด เพื่อใช้ในการปรับปรุงพื้นผิวโรงงานบางส่วนหลุดออกจากโรงงาน เนื่องจากผู้รับเหมาที่มาดำเนินการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประมาณ 200 ลูกบาศก์เมตร ทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการตรวจสอบโรงงานดังกล่าว เพื่อสืบหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะต้องมีการเก็บข้อมูลรายละเอียดต่างๆ ไปตรวจสอบว่าจะมีความผิดตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ รวมถึงต้องรอผลตรวจพิสูจน์ตัวอย่างน้ำที่เกิดปัญหาจากทางห้องปฏิบัติการอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น นายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี ได้ประสานไปยังทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษามูลบน ให้ช่วยระบายน้ำจากเขื่อนมูลบนลงลำน้ำมูล เพื่อช่วยเจือจางน้ำในช่วงที่เกิดปัญหา เพื่อปรับระบบนิเวศของน้ำภายในลำน้ำมูลให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด เพราะที่ผ่านมาปริมาณน้ำภายในลำน้ำมูลบางช่วงตื้นเขิน ไม่มีการไหลเวียนของน้ำ โดยล่าสุดทางเขื่อนได้เริ่มระบายน้ำลงลำน้ำมูลแล้ว ประมาณ 1 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 6 แสนลูกบาศก์เมตรต่อวัน

...