โซเชียลวิจารณ์สนั่น หลัง “หมอแล็บแพนด้า” ชี้เป้าเพจเฟซบุ๊กนักสร้างพระลูกศิษย์เกจิดังแดนอีสานโพสต์ภาพ “หลอดเก็บเลือดหลวงพ่อคูณแห่งวัดบ้านไร่” อ้างจะนำมาใช้เป็นมวลสาร จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นล่าสุด “กรรมการวัดบ้านไร่” ตั้งคำถาม ไปเอามาจากไหน เป็นของจริงหรือไม่ ชี้เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เตรียมปรึกษาทีมกฎหมายจ่อเอาผิด “กำนันป่อง” ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ มั่นใจไม่ใช่ของจริง คาดฝีมือแก๊งต้มตุ๋นแสวงหาผลกำไร ด้านหมอผู้รักษาหลวงพ่อคูณระบุ เลือดคนไข้ที่เจาะส่งตรวจในโรงพยาบาล ต้องไม่นำออกไปข้างนอกเด็ดขาด ชาวบ้านเชื่อเป็นการ สร้างกระแสปลุกตลาด ปั่นราคาพระเครื่องรุ่นใหม่
กลายเป็นประเด็นดราม่าสนั่นโซเชียล กรณีเพจเฟซบุ๊ก “หมอแล็บแพนด้า” ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน นักเทคนิคการแพทย์ชื่อดัง โพสต์รูปพร้อมข้อความว่า “ผมเข้าใจถึงความศรัทธาและการรวบรวมมวลสาร คงไม่ไปก้าวล่วง แต่อันนี้ไม่น่าจะเหมาะสมเท่าไหร่ เป็นสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วยในโรงพยาบาล ต้องเคารพสิทธิ แอบเอาออกมาได้ยังไง ใครให้?” ในรูปภาพดังกล่าว เป็นรูปหลอดเก็บเลือดที่ใช้ภายในโรงพยาบาล ติดบาร์โค้ดระบุชื่อหลวงพ่อคูณ ปริสฺุทฺโธ หรือพระเทพวิทยาคม (คูณ ฉัตร์พลกรัง) เกจิดังวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่มรณภาพไปเมื่อวันที่ 16 พ.ค.2558 อายุ 92 ปี 71 พรรษา ผู้โพสต์อ้างว่าจะใช้เป็นหนึ่งในมวลสารจัดทำวัตถุมงคล ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าหลอดเก็บเลือดดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่ และไปเอามาได้อย่างไร หรืออาจซื้อมาในราคาหลักล้านบาท เพื่อเรียกความศรัทธาจากศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อคูณที่มีผู้เคารพเลื่อมใสอยู่ทั่วประเทศ
...
เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวไปที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พูดคุยกับนายสนอง หวังหยิบกลาง ประธานกรรมการบริหารโครงการวัดบ้านไร่ สร้างหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ องค์ใหญ่ เผยว่า กรณีที่มีกลุ่มผู้จัดสร้างวัตถุมงคลโพสต์ข้อความและภาพหลอดเก็บเลือด อ้างว่าเป็น “โลหิตธาตุหลวงพ่อคูณ” เพื่อนำไปใช้เป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคลของพระเกจิชื่อดังรูปหนึ่งทางภาคอีสาน ตนมองว่าไม่เหมาะสม เพราะที่ผ่านมาการจัดตั้งวัตถุมงคลไม่เคยนำเลือดของครูบาอาจารย์ท่านใดมาจัดสร้าง ยิ่งเป็นโลหิตธาตุของหลวงพ่อคูณ ยิ่งไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และอยากรู้ว่าไปนำโลหิตธาตุของหลวงพ่อคูณมาจากไหน
“ดูจากภาพที่โพสต์แล้วพบว่า ระบุชื่อหลวงพ่อคูณอย่างชัดเจน และอายุ 87 ปี ไม่มั่นใจว่าเป็นเลือดของจริงหรือไม่ เนื่องจากว่าหลวงพ่อคูณมรณภาพตอนอายุ 92 ปี จะห่างกันประมาณ 5 ปี อยากรู้ว่าไปเอามาจากที่ใด อยากให้คณะผู้จัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นดังกล่าวออกมาชี้แจงว่าไปเอาหลอดเก็บเลือดนี้มาจากไหน เพื่อให้สังคมได้รับทราบ เพราะปกติเลือดของหลวงพ่อคูณจะต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเท่านั้น ขณะนี้ได้ปรึกษาหารือกับทีมกฎหมายแล้วว่าผิดข้อกฎหมายอะไรบ้าง ในส่วนวัดบ้านไร่เวลาจะสร้างวัตถุมงคลจะมีแค่มวลสารของพระเก่า และเกศาของหลวงพ่อคูณ ไม่เคยมีอัฐิ หรือแม้แต่โลหิตธาตุของหลวงพ่อคูณมาอยู่ในขั้นตอนการจัดสร้างแต่อย่างใด” นายสนองกล่าว
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายทวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ หรือกำนันป่อง ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ ที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ภายในวัดบ้านไร่ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายทวัฒน์ชัย กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องหลอดโลหิตธาตุหลวงพ่อคูณ เพราะมีคนแชร์มาให้ดู ยืนยันว่าไม่น่าจะใช่ของจริงแน่นอน น่าจะเป็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือคณะบุคคลใดคณะหนึ่ง นำมาคิดแสวงหากำไรมากกว่า ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดคนหนึ่งช่วงที่หลวงพ่อคูณเข้ารักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น รพ.กรุงเทพ รพ.มหาราชนครราชสีมา หรือ รพ.ขอนแก่น เวลาเจาะเลือดหลวงพ่อคูณจะนำไปเก็บในหลอดเลือดอย่างดี พร้อมกับมีรหัสโค้ดกำกับ ส่วนสำลีที่เช็ดเลือดหลวงพ่อคูณ ตนหรือลูกศิษย์คนอื่นจะขอสำลีนั้นนำมาเลี่ยมกรอบพลาสติกเก็บติดตัว หรือเก็บไว้บนหิ้งพระเพื่อบูชาเป็นสิริมงคลตามความเชื่อของแต่ละคน จะไม่นำมาเผยแพร่ทางโซเชียลเพื่ออวดอ้างหรือแสวงหาผลประโยชน์ใดๆ
“กรณีที่มีผู้โพสต์ในโซเชียลดังกล่าวไม่ใช่เป็นการกระทำของวัดบ้านไร่แน่นอน น่าจะเป็นบุคคลอื่น ต้องตรวจสอบว่าเป็นของบุคคลใด ออกมาจาก รพ.ไหน หรือลูกศิษย์คนใดนำมาแสวงหาผลประโยชน์หรือไม่ ปัจจุบันทราบว่ามีคณะบุคคลแอบอ้างวัดบ้านไร่ ออกเดินสายเรี่ยไรไปในสถานที่ต่างๆ ขออย่าได้หลงเชื่อเด็ดขาด ขณะนี้วัดบ้านไร่ได้ขออนุญาตจำลองแบบพระธาตุเจดีย์จากพระธาตุพนม แต่ขนาดเล็กกว่าองค์จริง มาสร้างที่วัดบ้านไร่เพื่อเป็นสถานที่ประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อคูณ หากอยากทำบุญกับวัดบ้านไร่จริงๆให้ติดต่อที่พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ภายในวัดบ้านไร่ จะมีกรรมการคอยรับบริจาค หรือติดต่อเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่จะเป็นการดีที่สุด” นายทวัฒน์ชัยกล่าว
ด้าน นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลนครราชสีมา ผู้ดูแลหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า เห็นข่าวอยู่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตามระเบียบแล้วเลือดของคนไข้ไม่สามารถนำไปให้บุคคลภายนอกได้ เพราะเป็นระบบแล็บของทางโรงพยาบาล ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน และมันไม่ใช่เรื่องที่จะนำออกไป เพราะเวลาเจาะเลือดต้องนำส่งห้องแล็บทันที หลอดเลือดดังกล่าวยังไม่สามารถจะบอกได้ว่าเป็นของจริงหรือไม่ การนำโลหิตธาตุของ
หลวงพ่อคูณมาเป็นมวลสารในการสร้างวัตถุมงคล ตนมองว่าเป็นประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน ให้ประชาชนเป็นคนคิดเอาเองว่าเหมาะสมหรือไม่ แต่โดยหลักการแล้วเลือดของคนไข้ที่เจาะส่งตรวจในโรงพยาบาลจะต้องไม่นำออกไปข้างนอกอย่างเด็ดขาด ยกเว้นไปโดยวิธีอื่นที่ไม่เป็นไปตามระบบ
ผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในเพจเฟซบุ๊กของนักสร้างวัตถุคนหนึ่ง ที่เป็นผู้นำภาพหลอดเก็บเลือดของหลวงพ่อคูณมาโพสต์โชว์ไว้ พบมีผู้เข้ามาคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก มีทั้งที่เห็นด้วยที่จะให้นำเลือดของหลวงพ่อคูณมาเป็นมวลสารในการจัดสร้างวัตถุมงคล อ้างว่าที่ผ่านมา มีเลือดของพระเกจิชื่อดังหลายรูปที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เคยถูกนำออกมาเป็นมวลสารจัดสร้างวัตถุมงคล ถือเป็นเรื่องปกติ ขณะที่บางส่วนคัดค้านการนำเลือดหลวงพ่อคูณมาใช้เป็นมวลสารเป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเลือดหรือญาติ ด้านเจ้าของเพจได้มาตอบคำถามถึงประเด็นการได้หลอดเก็บเลือดดังกล่าวมาอย่างไรนั้น เจ้าของเพจอ้างว่ามีผู้ศรัทธาส่งมาให้ ตนเป็นเพียงผู้เก็บรวบรวมมวลสารต่างๆส่งให้พระเกจิชื่อดังคัดเลือก ก่อนนำไปจัดสร้างวัตถุมงคลเท่านั้น
...
ขณะเดียวกันในสื่อโซเชียล มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า กรณีนี้น่าจะเป็นการสร้างกระแส ปั่นราคาพระเครื่องรุ่นที่กำลังจะจัดสร้างเพื่อเรียกศรัทธาจากญาติโยมให้มาเช่าบูชามากกว่า ที่ผ่านมาขบวนการจัดสร้างวัตถุมงคลของพระเกจิรุ่นใหม่ๆ จะใช้สารพัดวิธีในการสร้างกระแส ปลุกให้เกิดความต้องการของตลาด เริ่มตั้งแต่ใช้สื่อโซเชียลโหมกระพือความศักดิ์สิทธิ์ สร้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ให้พระเกจิ แล้วปั่นราคาจากค่าปั๊มเหรียญพระองค์ละไม่กี่บาท กลายเป็นหลักหมื่นหลักแสนจนถึงหลักล้านบาท รวมทั้งจ้างชาวบ้านเป็นหน้าม้า ไปเข้าแถวต่อคิวจองวัตถุมงคลกันแน่นวัด แต่วัตถุมงคลจำพวกนี้จะไม่ได้รับการยอมรับในวงการพระเครื่อง และกลุ่มเซียนพระชั้นนำระดับประเทศ