คณะสงฆ์ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พระกับแม่ชี ทราบผลภายใน 15 วัน ปมย่องขึ้นกุฏิ ล้างบาปล้างซวยกลางดึก ด้านแม่ชีเผ่นกลับบ้านไปแล้ว

จากกรณีพระกับชี ที่ชาวบ้านถ่ายคลิปขณะคุมตัวแม่ชีเอาไว้ได้กลางดึก หลังกระโดดมาจากหน้าต่างกุฏิพระเอ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี พระลูกวัดสวาท บ้านธาตุ ม.5 ต.บ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา โดยเมื่อมีคลิปเผยแพร่ในโซเชียล พระยอมรับว่าแม่ชีมาหาจริง แต่มาล้างบาป ล้างซวย ที่ขับรถเหยียบแมวตาย ซึ่งต้องทำพิธีในตอนเย็น รวม 3 ครั้ง และครั้งสุดท้าย ทำพิธีในช่วงกลางคืน จึงเสร็จพิธีช้า ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และชาวบ้าน จึงมาจับผิดพระกับชี จนต้องออกจากวัดเดิม ย้ายไปอยู่วัดอื่นต่างพื้นที่ เพราะไม่อยากมีปัญหาให้ชาวบ้านผิดใจกัน ส่วนแม่ชีนั้น เป็นแม่ชีที่บวชชีอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรม ในพื้นที่บ้านหนองรูแข้ ต.ภูเหล็ก อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 

เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. (7 พ.ค.67) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง ที่ที่แม่ชีบวชอยู่ โดยได้คุยกับพระที่ดูแลสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว ทราบว่า แม่ชีที่ที่กำลังมีข่าวกับพระบวชชีสถานปฏิบัติธรรม ได้ 5 เดือน มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ จะไม่เปิดวาจา สวดมนต์เริ่ม ตี 3 ปฏิบัติธรรมไปจนถึงสามทุ่มของทุกวัน 

กรณีที่เกิดขึ้น ไม่มีใครในสถานปฏิบัติธรรมรู้เรื่อง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว คนมาปฏิบัติธรรมพูดคุยกันนั้นจะน้อย ส่วนใหญ่จะตามปฏิบัติธรรมตามความตั้งใจของใครของมัน เมื่อเสร็จก็แยกย้าย

เมื่อวาน แม่ชีได้มากราบลา และจะขอสึกโดยบอกเหตุผลว่าลูกไม่สบาย ซึ่งก็ได้บอกไปว่า ให้เดินทางปลอดภัยโชคดี ส่วนข่าวที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เราก็พูดไม่ได้ว่าเจตนาของคนนั้นเป็นอย่างไร ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้น ก็อยากให้ดูที่เจตนาและพิจารณาตามเหตุผล 

...

ในขณะเดียวกัน แม่ชีภายในสถานปฏิบัติธรรมดังกล่าว บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ในสถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ มีแม่ชี ที่ขับรถเก๋งสีขาวหนึ่งคน คือ แม่ชีแนน เป็นชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่ในระหว่างที่ปฏิบัติธรรมนั้น ต่างคนต่างตั้งมั่นทำสมาธิจะไม่มีใครสนใจกัน และจะไม่ได้เล่นโซเชียล จึงไม่ทราบเกี่ยวกับข่าวที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ช่วงเช้าวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ยังเห็นแม่ชีแนน อยู่ที่สถานปฏิบัติธรรม แต่หลังจากช่วงเที่ยงก็ไม่พบเห็นแล้ว ทราบในเบื้องต้นว่าแม่ชีแนน ได้ขอลาสิกขากลับบ้าน เนื่องจากลูกสาวไม่สบาย แต่ในส่วนของข่าวที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนในสถานปฏิบัติธรรมไม่มีใครทราบรายละเอียดแต่อย่างใด

ในเวลาต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ สำนักงานคณะสงฆ์อำเภอบ้านไผ่ ซึ่งอยู่ภายในวัดจันทรประสิทธิ์ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จุดที่ พระครูปริยัติ สารวิสุทธิ์ รองเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวาท บ้านธาตุ เรียกประชุมคณะสงฆ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น นายอำเภอบ้านไผ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งกำนันตำบลบ้านไผ่ ผู้ใหญ่บ้าน บ้านธาตุ ม.5  เพื่อหารือและเพื่อหาข้อสรุปกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระเอ และแม่ชี

การประชุมเสร็จสิ้นในช่วงเวลา 16.00 น. หลังการประชุมพระครูปริยัติ สารวิสุทธิ์ รองเจ้าคณะอำเภอบ้านไผ่ รักษาการเจ้าอาวาสวัดสวาท บ้านธาตุ กล่าวว่า รายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ที่มีการเผยแพร่ตามเฟซบุ๊กและข่าวของสื่อมวลชนนั้น ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาความผิดทางวินัย ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 วัน ซึ่งในช่วงที่คณะกรรมการกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ได้มีคำสั่งให้พระเอ ย้ายจากวัดเดิมไปอยู่ที่วัดศรีบุญเรือง บ้านเกิ้ง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ไปจนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น

และในกรณีที่พระสงฆ์กับแม่ชี หรือประชาชนที่เป็นหญิงในกุฏิยามค่ำคืนนั้น ถือว่าไม่เหมาะสม ญาติพี่น้องก็ควรละเว้น แต่หากมีความจำเป็นก็ควรพบคุยกันในจุดที่มีบุคคลอื่นรู้เห็น ไม่ใช่พบปะพูดคุยในที่ลับ จะถือได้ว่าไม่ถูกต้องไม่เหมาะสม และไม่ควรกระทำเด็ดขาด

ทางด้านนายพิชัย วันตา นายอำเภอบ้านไผ่ กล่าวว่ากรณีดังกล่าวนั้น ทางอำเภอร่วมกับคณะสงฆ์ได้บูรณาการร่วมกันตรวจสอบ และคณะสงฆ์ จะมีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน และในระหว่างนี้มีคำสั่งให้พระมาประจำที่วัดศรีบุญเรือง เพื่อไม่ให้มีการขัดขวางการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าพระได้ออกจากวัดไปแล้ว ส่วนแม่ชีก็ทราบว่าเป็นคนภาคกลาง และตอนนี้ไม่อยู่ที่สถานปฏิบัติธรรม

ส่วนการตรวจสอบนั้น คณะกรรมการก็จะดูด้วยว่า การที่พระกับชี พบกันในเวลาดังกล่าว ถือว่าผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ และการที่แม่ชีเข้าไปในวัดในเวลาดังกล่าวนั้น ด้วยสาเหตุใด เพราะขณะนี้ทราบมาว่าทั้งพระและชีได้ปฏิเสธในทุกๆเรื่อง ฉะนั้นเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง จึงมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อหาข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ให้รู้ผลภายใน 15 วัน.