ลุงที่อุดรธานี ไปนอนเฝ้าเมียโดนรถชนแขนหักอยู่ ทางนี้ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง บอกน่าจะเป็นฝีมือลูกชายทาสยาบ้า ซึ่งนอนอยู่บ้านคนเดียว เสพมานานจนหลอน และชอบขู่จะเผาบ้าน
เวลา 01.40 น. วันที่ 1 มีนาคม 2567 ร.ต.อ.สถาพร สวัสดี รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ ไฟไหม้บ้านเลขที่ 57/2 หมู่ 2 ซอยบ้านหนองตุ เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงพร้อมด้วย ร.ต.ท.วรินทร โสตะวงษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย นำรถดับเพลิง เทศบาลนครอุดรธานี อาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรมรุดไปที่เกิดเหตุ
พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้นไม้ครึ่งปูนอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด แต่เนื่องจากมีลมกระโชกมาเป็นระยะ ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว และลามไปไหม้โรงรถบ้านเลขที่ 58 ซึ่งอยู่ติดกัน แต่ไม่มีคนอาศัยอยู่ รถปิกอัพโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สภาพเก่าไม่ได้ใช้งาน และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ 3 เครื่อง ถูกไฟไหม้เสียหาย เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ แต่เพลิงได้เผาบ้านวอดทั้งหลัง
นายประสิทธิ์ สุมุด อายุ 62 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า ปกติตนจะอยู่บ้านหลังนี้กับภรรยาและลูกชาย แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนภรรยาตนถูกรถชนได้รับบาดเจ็บนิ้วหักและแขนหัก หลังออกจากโรงพยาบาลตนให้ภรรยาไปนอนที่บ้านญาติ เพราะเกรงว่า นายอธิพงษ์ สุมุด อายุ 35 ปี ลูกชายตนซึ่งติดยาบ้าจะรบกวนผู้ป่วย กระทั่งช่วงค่ำตนซักผ้าและกำลังตากผ้า ลูกชายซึ่งมีอาการเมายามาพูดจากวนตน ซึ่งก็ไม่ได้สนใจ น้องชายตนซึ่งขี่รถส่งอาหารมาจอด ก็โดนลูกชายถีบรถจักรยานยนต์
“ลูกชายติดยาบ้ามานาน เคยพาลูกไปบำบัดรักษาที่โรงพยาบาลหลายครั้ง แต่พอกลับมาบ้านก็หันกลับไปเสพยาบ้าอีก พอมีอาการหลอนยาก็จะอาละวาด พอไม่สนใจก็บอกว่าจะเผาบ้านตลอด และก่อนออกไปดูแลภรรยา ก็เห็นลูกชายนอนหลับ ช่วงกำลังจะเปลี่ยนแพมเพิร์สให้ภรรยา ก็มีญาติโทรมาบอกว่าบ้านไฟไหม้ จึงรีบมาและไม่เห็นลูกชายแล้ว มั่นใจว่าลูกชายเป็นคนเผาบ้านแล้วหลบหนีไป”
...
ต่อมา ตำรวจได้ติดตามนายอธิพงษ์ พบเดินอยู่ไม่ห่างจากบ้านที่ไฟไหม้ จึงนำตัวไปโรงพักทำการสอบสวน ซึ่งนายอธิพงษ์ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เผาบ้านตัวเอง ไม่รู้เรื่อง ตำรวจจึงปล่อยตัวไป เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีพยาน และต้องรอให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริง เพื่อดำเนินการต่อไป